นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ในปีนี้รายได้ในกลุ่มลูกค้าองค์กรทำได้ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 10% จากปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงเป้าหมาย และในปีหน้าคาดว่าเติบโตมากกว่า 10% โดยแนวโน้มธุรกิจ Cloud และ Internet of Thing (IoT) น่าจะเติบโตสูงมาก จากปีนี้ที่เติบโตมากกว่า 100% แต่ฐานยังเล็กอยู่ ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่หรือประมาณ 70-80% มาจากการให้บริการโทรศัพท์มือถือ รองลงมาเป็นอินเตอร์เน็คความเร็วสูง (Fixed Brondband)
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของกลุ่มลูกค้าองค์กร มีสัดส่วนประมาณ 11-12% ของรายได้รวมในปีนี้ และคาดหวังว่าในปีหน้าจะขยับขึ้นมาเป็น 15% อย่างไรก็ดี บริษัททั่วโลกจะมีสัดส่วนจากลูกค้าองค์ประมาณ 40-50%
"การทำงานของเอไอเอส เป็นแบบ S Curve เราได้ทำงานมาก่อนอย่าง cloud ซึ่ง ณ จุดนี้ประกาศตัวว่าเราพร้อมมาก เรามีสินค้า มีบริการใหม่ๆ จำนวนมาก เช่น Fiber Network ซึ่งเวลานี้สุกงอม ถ้าตลาดตอบรับก็จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายยงสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจ Cloud ได้รวมธุรกิจของ บมจ.ซี เอส ล็อกอินโฟ ที่มีการให้บริการด้านไอซีที ที่มีมาร์จิ้นดีเพราะใช้ความเชี่ยวชาญของพนักงาน รวมทั้งมีการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 9 โลเกชั่น แนวโน้มเมื่อมี 5G ความต้องการใช้ดาต้าจำนวนมากก็ยิ่งต้องใช้บริการ Cloud มากขึ้น
ส่วนธุรกิจ IoT ขณะนี้องค์กรต่างๆเริ่มสนใจใช้บริการซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ซึ่งชี้ให้เห็นว่าธุรกิจนี้กำลังมา คาดว่าในปีหน้าจะเห็นการเติบโต ขณะเดียวกันด้าน payment ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น Rabbit Line Pay เป็นช่องทางหนึ่งที่ให้ความสะดวก ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการแล้วราว 5 ล้านคน
ทั้งนี้ เอไอเอสมีขีดความสามารถด้านโครงข่าย Digital Infrastructures ที่ทรงประสิทธิภาพเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ได้แก่ เครือข่าย Mobile ที่เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดในประเทศ รวมทั้งมีคลื่นความถี่หลักในการให้บริการ 4G มากที่สุด เครือข่าย Fixed Broadband ที่มี เอไอเอส ไฟเบอร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติกแท้รายแรกในประเทศ ครอบคลุมแล้วกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ และเครือข่าย IoT เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการที่มีทั้งโครงข่าย eMTC และ NB-IoT ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นรายแรกและรายเดียวในไทย