สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์รายนางสาวสุรสา มุ่งถาวร และนายภัทราวุธ ธัญญเจริญ เป็นเวลา 10 ปี ขณะกระทำผิดสังกัดธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ฐานกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน โดยปลอมแปลงและจัดทำเอกสารเท็จ และสั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์และห้ามปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารเดียวกันในส่วนของธุรกิจตลาดทุน รายนางสาวปาริชาติ พุ่มนวม เป็นเวลา 2 เดือน
ก.ล.ต. ได้รับรายงานการตรวจสอบจากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้า ค้า และจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน(Limited Broker Dealer and Underwriter: LBDU) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบการกระทำของผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ที่เป็นพนักงานธนาคารทุจริตต่อลูกค้า โดยเหตุเกิดขึ้นต่างสาขา ดังนี้
(1) กรณีนางสาวสุรสา พบว่า ได้ชักชวนให้ลูกค้าซื้อกองทุนและถอนเงินจำนวนสูงจากบัญชีลูกค้าแต่ไม่ทำรายการให้ตามความประสงค์ของลูกค้า กลับโอนเงินไปบัญชีออมทรัพย์ที่เปิดไว้ในชื่อบุคคลอื่น และสั่งพิมพ์รายการซื้อหน่วยลงทุนของลูกค้ารายอื่นลงในสมุดบัญชีกองทุนของลูกค้าในจำนวนเงินเท่ากับที่ถอนจากบัญชีลูกค้า แล้วประทับตราธนาคาร หรือเขียนรายการซื้อกองทุนลงในสมุดบัญชีกองทุน และมอบให้ลูกค้าเป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ตรวจพบว่าได้ลักลอบทำรายการขายกองทุนของลูกค้าและหมุนเวียนเงินจากลูกค้ารายอื่นคืนให้แก่ลูกค้าในบัญชีอื่นอีกหลายราย และมีพฤติกรรมอำพราง จากการจัดทำเอกสารการซื้อขายกองทุนและการถอนเงินเป็นเท็จ เพื่อลวงให้ลูกค้าหลายรายเข้าใจว่าได้มีการซื้อขายกองทุนตามความประสงค์แล้ว นางสาวสุรสารับสารภาพต่อธนาคารว่าทุจริตเงินลูกค้าเป็นเงินรวมกว่า 17 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
(2) กรณีนายภัทราวุธ พบว่า นายภัทราวุธจัดทำเอกสารการขายคืนกองทุนเท็จ ปลอมแปลงสมุดบัญชีเงินฝากโดยใช้ user ID ของพนักงานธนาคารรายอื่นโดยที่เจ้าของไม่ทราบ ออกสมุดบัญชีเงินฝากที่รับเงินค่าขายกองทุนในนามลูกค้าและทำรายการขายคืนกองทุนของลูกค้า จำนวน 9 ล้านบาท และให้พนักงานธนาคารรายอื่นทำรายการถอนเงินค่าขายกองทุนโดยใช้ user ID ของพนักงานธนาคารรายอื่นอนุมัติรายการ แล้วฝากเงินเข้าบัญชีลูกค้าที่เป็นนอมินีของตนเป็นเงินรวม 8.75 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้ลักลอบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้ารวม 6 ราย โดยจัดทำสมุดบัญชีเล่มใหม่และรับสารภาพกับธนาคารว่าทำลายเอกสารหลักฐานการทำรายการดังกล่าวทิ้งแล้ว จึงเป็นการวางแผนการกระทำผิดในลักษณะเป็นกระบวนการและมีความซับซ้อนเพื่อให้ได้ทรัพย์สินของลูกค้าโดยมิชอบ
(3) กรณีนางสาวปาริชาติ ขณะกระทำผิด ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่นายภัทราวุธประจำอยู่ โดยนางสาวปาริชาติลงชื่อกำกับรายงานการถอนเงินสดจำนวน 9 ล้านบาท ของลูกค้านายภัทราวุธที่ลักลอบขายกองทุน โดยไม่ได้ตรวจสอบใบคำขอถอนเงิน ทั้ง ๆ ที่ รายการถอนเงินดังกล่าวไม่มีสลิป อีกทั้งไม่ได้ติดตามที่มาที่ไปของรายการถอนเงินสดดังกล่าว ทำให้นายภัทราวุธทำรายการทุจริตสำเร็จ ซึ่งเป็นการละเลยการตรวจสอบดูแลตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้นิติบุคคลหรือกิจการที่ตนเองมีอำนาจในการจัดการ หรือผู้ปฏิบัติงานซึ่งอยู่ภายใต้การตรวจสอบดูแล
การกระทำของบุคคลทั้ง 3 ราย ข้างต้น เป็นการไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. จึงสั่งการดังต่อไปนี้
(1) เพิกถอนและกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในคราวต่อไปของนางสาวสุรสา เป็นเวลา 10 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561
(2) เพิกถอนและกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในคราวต่อไปของนายภัทราวุธ เป็นเวลา 10 ปี แต่เนื่องจากอายุการให้ความเห็นชอบของนายภัทราวุธสิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560 จึงกำหนดระยะเวลาเป็นเวลา 10 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561
(3) ห้ามนางสาวปาริชาติ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารในส่วนของธุรกิจตลาดทุน และสั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ เป็นเวลา 2 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561
ก.ล.ต. ขอเตือนผู้ลงทุนว่า ในกรณีที่ผู้ลงทุนประสงค์จะซื้อขายกองทุนผ่านสาขาธนาคาร ผู้ลงทุนควรเดินทางไปทำรายการด้วยตนเอง และหลีกเลี่ยงการฝากเอกสารสำคัญ ได้แก่ ใบถอนเงิน ใบคำสั่งซื้อหรือขายหน่วยลงทุน และสมุดบัญชีเงินฝากและสมุดบัญชีกองทุนไว้กับพนักงานของธนาคาร นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า ได้รับหลักฐานการซื้อขายที่ออกโดยธนาคารหรือบริษัทจัดการลงทุน(บลจ.) อาทิ สำเนาใบคำสั่งซื้อหรือขายที่พิมพ์รายการซื้อหรือขาย และจำนวนเงินจากระบบงานกองทุนของธนาคารหรือ บลจ. หรือได้รับการยืนยันการทำรายการทาง SMS หรือ email จากธนาคารหรือ บลจ. รวมทั้งควรนำสมุดบัญชีกองทุน (ถ้ามี) ไปปรับปรุงรายการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากการทุจริตได้
ทั้งนี้ ธนาคารได้เลิกจ้างผู้แนะนำการลงทุนและไม่จ่ายค่าชดเชย รวมทั้งดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ชดใช้เงินคืนให้ลูกค้าทุกรายแล้ว และ จากกรณีข้างต้น ธนาคารอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบงานเพื่อป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดจากการพิมพ์รายการซื้อขายกองทุนของลูกค้าซ้ำในสมุดของลูกค้าอีกราย (reprint) ซึ่ง ก.ล.ต. ได้กำชับให้ธนาคารเร่งปรับปรุงระบบงานไม่ให้เกิดความเสี่ยงลักษณะดังกล่าวต่อลูกค้าอีก