ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อเก็งกำไร ดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 146.24 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐและผลประกอบการของบริษัทเอกชน
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 146.24 จุด หรือ 1.16% แตะระดับ 12,735.31 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 18.94 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 1,409.13 และ ดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 34.04 จุด หรือ 1.39% แตะระดับ 2,474.55 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 5.11 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวันอังคารที่ระดับ 4.62 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
          ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นกว่า 200 จุดในช่วง 90 นาทีสุดท้าย ก่อนที่บริษัทอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 
          อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ เอลลิสัน นักวิเคราะห์จากบริษัทบิงแฮม ออสบอร์น แอนด์ สคาร์โบโรจ์ ในเมืองซานฟรานซิสโกกล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งความกังวลในเรื่องนี้ทำให้ตลาดผันผวนมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่กังวลว่ามาตรการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นยาแรงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้นได้หรือไม่"
          "นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อและตลาดปล่อยกู้จำนองจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชนมากน้อยเพียงใด สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เราคาดว่าตลาดจะเคลื่อนตัวผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากนักลงทุนอ่อนไหวต่อสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจในแทบจะทุกด้าน" สคาร์โบโรจ์กล่าว
          นักลงทุนมีท่าทีกังวลมากขึ้นเมื่อวาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอยในปีพ.ศ.2551 อีกทั้งคาดว่าภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ด้วย
          ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดมีท่าทีอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอเช่นนี้
          หุ้นคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่สุดของสหรัฐปิดร่วงลง 6.4% เนื่องจากข่าวลือที่ว่าบริษัทอาจเผชิญวิกฤตการณ์จนถึงขั้นล้มละลาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของคันทรีไวด์ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว
          หุ้นอัลโคปิดเพิ่มขึ้น 25 เซนต์ แตะระดับ 31.25 ดอลลาร์ โดยหลังจากตลาดปิดทำการแล้ว บริษัทอัลโคเปิดเผยว่ากำไรในไตรมาส 4 พุ่งขึ้น 76% แตะระดับ 632 ล้านดอลลาร์ หรือ 75 เซนต์ต่อหุ้น จากปีที่แล้วที่ระดับ 359 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
          ส่วนหุ้นดูปองท์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มคาดการณ์กำไรตลอดปีพ.ศ.2550 เนื่องจากยอดขายไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่งเกินคาด