นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/61 บริษัทและบจก.สหการวิศวกร เตรียมจะเข้าประมูลงานใหม่รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการนำสายไฟลงใต้ดิน 3 โครงการ มูลค่างานรวมกว่า 5,500 ล้านบาท โครงการโรงงานผลิตยารังสิต ระยะที่สอง มูลค่างาน 5,000 ล้านบาท โครงการก่อสร้างอาคาร มูลค่างาน 800 ล้านบาท และงานโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติขนาดเล็ก 3 โครงการ มูลค่างานรวม 45 ล้านบาท
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมีงานที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้รวม 5,614 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานของบริษัทฯ 1,722 ล้านบาท และงานของ สหการวิศวกร 3,892 ล้านบาท
สำหรับผลงานในไตรมาส 3/61 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้าง 644.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.03 ล้านบาท หรือ 42.47% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 452.11 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 43.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.37 ล้านบาท หรือ 98.21% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.76 ล้านบาท
รายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการระยะยาวยกมาจากปีก่อนของบริษัทฯ ได้แก่ โครงการ 1st Transmission Pipeline Life Extension Project 28" Recoating Section และโครงการBV4.19 PIG Launcher and Receiver Installation จาก บมจ. ปตท. และโครงการของบจก.สหการวิศวกร ได้แก่ โครงการปรับปรุงถนนประชาร่วมใจ - ถนนมิตรไมตรี จากกรุงเทพมหานครและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ เช่น การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง เป็นต้น
"ผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สามารถพลิกกลับมามีกำไรหลังจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีผลขาดทุน 45.54 ล้านบาท ทั้งนี้ช่วงปี 60-61 ถือได้เป็นปีทองของบริษัทย่อย คือ บจก.สหการวิศวกร ที่นอกจากจะสามารถส่งมอบงานขนาดใหญ่ 2 โครงการในปีนี้ คือ โครงการถนนศรีนครินทร์ร่มเกล้ามูลค่างาน 1,088 ล้านบาท และโครงการติดตั้งเครื่องจักรการผลิตบุหรี่ โรงงานยาสูบ มูลค่างาน 834 ล้านบาทแล้ว ยังสามารถประมูลได้งานโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง มูลค่างาน 1,257 ล้านบาท โครงการถนนคลองสามวา มูลค่างาน 172 ล้านบาท และล่าสุดคือโครงการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่น มูลค่า 600 ล้านบาท จาก บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ส่งผลให้สหการวิศวกรมี Backlog หรืองานในมือสูงถึง 3,892 ล้านบาท
นอกจากนั้นแล้วสหการวิศวกรยังอยู่ในระหว่างการรอผลการประมูลงานถนน มูลค่ากว่า 560 ล้านบาท จากงานในมือของทั้งกลุ่มบริษัทที่ 5,614 ล้านบาท บริษัทคาดว่าในปี 61 นี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะมีระดับรายได้ค่าบริการก่อสร้างใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 2,370 ล้านบาท"นายภาสิต กล่าว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีการทบทวนวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยในโมเดล ไทยแลนด์ 4.0 ภายใต้ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยคณะกรรมการได้อนุมัติวิสัยทัศน์ใหม่ (Vison) คือ "A pioneer Organization who delivers innovative project solution in the region" (CLMVT) กำหนดเป้าหมายระยะ 3 ปี (ปี 62-64) คือ รายได้ค่าบริการก่อสร้างของบริษัทฯ และบริษัทย่อยติด 1 ใน 10 และอัตรากำไรสุทธิติด 1 ใน 5 ของบริษัทจดทะเบียนในหมวดรับเหมาก่อสร้าง
และเพื่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ มีกลยุทธ์ที่จะรุกธุรกิจประเภทบริการโซลูชั่นที่มีนวัตกรรมเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จากเดิมที่เน้นการรับเหมาก่อสร้างในอุตสาหกรรม Oil & Gas เพียงอย่างเดียว อาทิ ธุรกิจด้านนวัตกรรมการจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ คลังสินค้าที่มีระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ (Automated Storage Retrieval System (AS/RS)) ธุรกิจด้านการประหยัดพลังงานให้กับโรงงานอุตสาหกรรม (Energy Saving) เป็นต้น