นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 1,058.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 873.6 ล้านบาท
โดยมีปัจจัยกระแสความนิยมของคอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปปินส์ของผู้ชมในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงประเทศไทยที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ได้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องใหม่ๆ เพื่อนำไปออกอากาศสร้างเรตติ้งเพิ่มเติมโดยเฉพาะการขายคอนเทนต์ผ่านช่องทางทีวีดิจิตอล มีอัตราการเติบโตสูงถึง 39% และการส่งออกคอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปปินส์ไปยังต่างประเทศสามารถทำรายได้ 177 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ทำได้ 181.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสามารถยมีปัจจัยจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนการบริหารและการขายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ภาพรวมในช่วงไตรมาส 3/61 บริษัทจะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายการบริหารและการขายเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมาจากการตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์และกิจกรรมการตลาดที่ต้องบันทึกเพิ่มในไตรมาสนี้ แต่ยังคงทำการเติบโตของกำไรสุทธิได้เป็นที่น่าพอใจ ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 3/61 ยังขยายตัวโดดเด่นจากการส่งมอบลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ ให้แก่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลได้ตามแผน
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/61 บริษัทฯ ยังมีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่อยู่ระหว่างการรอส่งมอบให้แก่ลูกค้าอีกกว่า 335 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นบางส่วน
"เราพอใจกับตัวเลขของผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกและในไตรมาส 3/61 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากความสำเร็จการคัดเลือกคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและการทำกิจกรรมสร้างกระแสให้แก่ซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปินส์ จึงทำให้ได้มีฐานกลุ่มผู้ชมที่แข็งแกร่งในไทย และสามารถขยายตลาดไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่จะช่วยผลักดันการเติบโตที่ดีให้แก่ JKN " นายจักรพงษ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเริ่มรับรู้รายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครช่อง 3 ไปทั่วโลกนั้น โดยมีตลาดที่สำคัญได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด JKN ได้เริ่มทยอยส่งมอบลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้แก่ฟิลิปปินส์เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ภาพยนตร์เรื่อง ‘นาคี2’ โดยได้ต่อยอดกระแสความนิยมของภาพยนตร์เพื่อจำหน่ายไปทั่วโลก ยกเว้นประเทศไทยและกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) จะเข้าช่วยสนับสนุนรายได้ของ JKN ให้เติบโตได้ตามแผนอีกด้วย