นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปี 62 จะเติบโตกว่าปี 61 เป็นไปตามการเติบโตของ 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ, ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก, ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างทำแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (62-64) โดยคาดว่าจะนำเสนอแผนดังกล่าวได้ในเดือนม.ค.62
เบื้องต้นบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้จะเติบโตเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 15% โดยจะมาจากการเติบโตภายในองค์กร (in organic) และการเติบโตจากการเข้าไปร่วมลงทุน (JV) และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โดยตั้งเป้าการลงทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นจำนวน 1 ดีลต่อปี ซึ่งยังคงมุ่งเน้นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งระหว่างประเทศ และการขนส่งระดับภูมิภาค รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือแนวทางการดำเนินงานรูปแบบใหม่ โดยจะอิงไปกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ E-commerce มากขึ้น อีกทั้งจะขยายไปในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น จากปัจจุบันขยายไปแล้วในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีนตอนใต้
"ตอนนี้เราอยู่ระหว่างวางแผนการดำเนินงานในระยะ 3 ปี โดยมีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทั้งภายในและภายนอก เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต ซึ่งจะสามารถเปิดเผยได้ช่วงต้นปีหน้า"
นายทิพย์ กล่าวว่า ด้านแหล่งเงินลงทุนทั้งในลักษณะ JV และ M&A บริษัทก็อยู่ระหว่างมองหาสถาบันการเงินเพื่อเข้ามารองรับ จากปัจจุบันบริษัทมีเงินเหลือจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 188 ล้านบาท จากจำนวนเงิน IPO ทั้งสิ้น 780 ล้านบาท หลังเข้าลงทุนในบริษัท DG Packaging ประเทศสิงคโปร์ ในสัดส่วน 50%
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนขยายคลังสินค้าอันตรายเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 5 พันตารางเมตร ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างมองหาพื้นที่ โดยเบื้องต้นมีความสนใจในพื้นที่โซนอุตสาหกรรม EEC คาดว่าจะสามารถเห็นชัดเจนในเรื่องของพื้นที่ได้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตามการลงทุนขยายคลังสินค้า โดยปกติบริษัทจะเป็นการเซ็นสัญญาเช่าคลังสินค้าในระยะยาว และลงทุนในด้านอุปกรณ์ เช่น ชั้นวางของ เป็นต้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าอันตรายรวม 2 หมื่นตารางเมตร และมีอัตราการใช้ (utilization) อยู่ที่ 90% แล้ว
พร้อมกันนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจการบริหารคลังสินค้า และการกระจายสินค้า (Logistics Management) เพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายจะยกระดับการให้บริการโลจิสติกส์ให้เป็นศูนย์โลจิสติกส์คอมเพล็กซ์ (Logistics Complex) โดยมุ่งเน้นพื้นที่โครงการพัฒนา EEC คาดว่าจะสรุปได้ในปี 62 ซึ่งเบื้องต้นรูปแบบการลงทุนจะเป็นลักษณะการร่วมลงทุน
สำหรับการให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการไปนั้น ขณะนี้เริ่มสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าในปีหน้าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามตัวเลขผู้ใช้บริการสายการบินที่เติบโต
นายทิพย์ กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 4/60 จากความต้องการใช้คลังสินค้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนต.ค-พ.ย.61 ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลในเดือนธ.ค.61 อีกทั้งยังเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำ เนื่องจากในไตรมาส 4/60 บริษัทได้สูญเสียลูกค้ารายสำคัญ คือ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทำให้ยอดขายปรับตัวลง แต่ในปีนี้บริษัทสามารถปรับตัวได้ จนกระทั่งกลับมาเติบโตกว่าปีก่อน รวมถึงบริษัทยังรับรู้กำไรของบริษัท DG Packaging ประเทศสิงคโปร์ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 20% จากปีก่อน