ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,650.21 จุด ลดลง 2.09 จุด (-0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 18,999.02 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,658.02 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,645.21 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง อ่อนกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก จากประเด็นเมืองในสหรัฐฯ หลังจากพรรคเดโมแครตจะเข้ามาแทรกแซงนโบบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งเรื่องการค้าและเรื่องอื่น ๆ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็มีผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งก็เป็นประเด็นสำคัญของตลาดฯด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ยังไม่ปรับตัวดีขึ้น โดยเช้านี้ปรับลงต่อ ทำให้ส่งผลกดดันตลาดฯ แม้ว่านักลงทุนบางส่วนจะเข้าซื้อหุ้นที่มีผลประกอบการออกมาดี และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เห็นได้จากหุ้นบางตัวที่ปรับตัวขึ้นไป แต่น้ำหนักก็สู้ฝั่งความกังวลราคาน้ำมันและปัจจัยในสหรัฐฯไม่ได้ ตลาดฯจึงยังติดลบอยู่
บรรยากาศการลงทุนที่ไม่ค่อยดี ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะเทรดดิ้งระยะสั้น จากความไม่แน่นอนในหลายปัจจัยนอกประเทศที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในบ้านเรางวดไตรมาส 3/61 ที่ประกาศออกมาแล้วเติบโต 22.9% yoy และโต 2% qoq ซึ่งก็ถือว่ายังไม่ได้ดีมาก เพราะกำไรที่เติบโตกระจุกตัวในหุ้นบางกลุ่มเท่านั้น
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายมงคล กล่าวว่า ดัชนีฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ อิงทางลงมากกว่า พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,640-1,650 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,290.26 ล้านบาท ปิดที่ 49.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,118.57 ล้านบาท ปิดที่ 178.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,001.13 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BJC มูลค่าการซื้อขาย 905.22 ล้านบาท ปิดที่ 52.25 บาท ลดลง 3.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 647.07 ล้านบาท ปิดที่ 69.00 บาท ลดลง 0.75 บาท