ทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม บมจ.ปตท. (PRISM Expert) ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 62 อยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ สงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก นโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก นโยบายพลังงานสีเขียว และการเติบโตของนวัตกรรมและเทคโนโลยี
นายอธิคม เติบศิริ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เปิดเผยทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปี 62 ว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเติบโตอยู่ที่ 3.7% ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 1.1-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศคู่ค้าทั่วโลกอาจส่งผลกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มตึงตัวจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ผลิต ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทีม PRISM Expert คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าในช่วง 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยระยะยาวที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำมันที่ต้องติดตาม อาทิ นโยบายพลังงานสีเขียว และเทคโนโลยีดิจิตอลที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ตลอดห่วงโซ่อุปทานซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนรูปแบบไป
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เป็นประธานเปิดงานสัมมนา 2018 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ "Future Energy Moving Together ก้าวไปกับอนาคตพลังงาน" ซึ่ง ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของ กลุ่ม ปตท. หรือ PRISM Expert ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดขึ้น เพื่อนำเสนอทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญ เพื่อเตรียมพร้อมอนาคตด้านพลังงาน รวมถึงการอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน นักการเงินการธนาคาร สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป
"การวิเคราะห์สถานการณ์พลังงานที่น่าสนใจจากทีม PRISM Expert ของ กลุ่ม ปตท. และการได้ร่วมรับฟังความคิดเห็นกับผู้ทรงคุณวุฒิในช่วงการเสวนาฯ จะทำให้เรารู้และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอนาคตพลังงานไทย สามารถเตรียมพร้อมวางแผนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือ หากเราร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลพลังงานให้สังคมมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง สร้างความเข้มแข็งในสังคมไทยด้วยความรู้จริง จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วนทั้งในวันนี้และอนาคต นับเป็นหนึ่งในรูปแบบของการสานพลังระหว่างคน องค์กร ภายในและภายนอก เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตของสังคมและเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth for All) ตามนโยบายของ กลุ่ม ปตท."