นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท (MCOT) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/61 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 63 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 20% จากไตรมาส 3/60 ทีมีผลขาดทุนสุทธิ 79 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมมีทั้งสิ้น 638 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าผลการดำเนินงานจะยังขาดทุน แต่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการดำเนินงานที่ถือได้ว่ามีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีผลขาดทุนลดลง มีพัฒนาการของผลการดำเนินงานดีขึ้น 60% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 60 จำนวน 20%
ทั้งนี้ ธุรกิจโทรทัศน์มี 199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อนหน้า ธุรกิจวิทยุ มีรายได้ 185 ล้านบาท ลดลง 3% ส่วนธุรกิจการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (BNO) มีรายได้ 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปี 60 ส่วนหนึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นของค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวก หลังจากที่ MCOT มีข้อยุติจากการเจรจากับลูกค้าที่ค้างชำระการใช้บริการโครงข่ายฯ เป็นผลให้ลูกค้ายังยืนยันที่จะให้บริการโครงข่ายฯ MCOTต่อไป และเริ่มมีการชำระหนี้ค้างเก่าเข้ามา ทำให้รายการบัญชีหนี้สงสัยจะสูญก็จะลดลงตามเช็คที่ถึงกำหนดชำระ
ธุรกิจใหม่ มีรายได้ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 17% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 60 ถึง 41% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ จากการผลิตสื่อ Social Media ทาง Line Official Account สำหรับรายได้จากธุรกิจด้านดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ www.mcot.net หรือแพลตฟอร์มโซเชียลที่ได้รับความนิยมต่างๆ เช่น Youtube และ Facebook ซึ่ง MCOT เร่งพัฒนาและต่อยอดใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Maximize utilization) โดยการสร้างรายได้จากการนำคอนเทนท์ที่บริษัทเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มต่างๆ
สำหรับงวด 9 เดือนแรกปีนี้ MCOT มีผลขาดทุน 387 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลขาดทุนก่อนภาษีเงินได้ 379 ล้านบาท ดีขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน และทรงตัวเมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปีก่อนที่มีผลขาดทุน 389 ล้านบาท
นายเขมทัต กล่าวว่า ผลการดำเนินงานรวมใน 9 เดือนแรกของปี 61 มีรายได้รวม 1,821 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 14% โดยรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ในไตรมาส 3/61 เริ่มเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/61 และไตรมาส 2/61 อย่างต่อเนื่อง และสามารถกลับมามีรายได้สูงกว่าธุรกิจวิทยุเช่นในอดีตที่ผ่านมา ในขณะที่รายได้จากธุรกิจวิทยุในไตรมาส 3/61 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา
โครงสร้างรายได้ของ MCOT มาจากธุรกิจวิทยุ 29.7% ,ธุรกิจโทรทัศน์ 28.9% ธุรกิจร่วมดำเนินกิจการ (สัมปทาน) 18.5% รายได้จาการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล (BNO) 17.3% ธุรกิจใหม่ (โทรทัศน์ดาวเทียม MCOT Satellite Network และสื่อออนไลน์ของ อสมท.) 3.7% และรายได้อื่นๆ 1.9%
ธุรกิจโทรทัศน์และธุรกิจวิทยุ ยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยคิดเป็นสัดส่วน 59% ของรายได้รวมทั้งหมด เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 พบว่า รายได้รวมของบมจ.อสมท เพิ่มจากไตรมาสก่อน 3% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 ลดลงถึง 17% ฝ่ายบริหารพยายามพัฒนาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆให้หลากหลายขึ้น รวมถึงการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลได้ในอนาคตอันใกล้
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมมีการใช้งบประมาณสำหรับโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆจากการรายงานของบริษัทนีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด พบว่าในช่วงเก้าเดือนปี 61 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 มีการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ลดลงเล็กน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไม่ถึง 1% โดยงบโฆษณาส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่สื่อโทรทัศน์ คิดเป็น 67% ของงบโฆษณาในสื่อทั้งหมด
นายเขมทัตต์ กล่าวว่า แผนงานในปี 62 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นนโยบายการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ด้วยการเร่งรัดสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินที่มีอยู่ทั้ง 3 แปลง โดยเฉพาะที่ดินย่านรัชดาเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อได้ ซึ่งขณะนี้ ได้จัดจ้างที่ปรึกษาในการจัดทำรายงานความคุ้มค่าของที่ดินแล้ว และจะมีการเข้ากระบวนการจัดทำ Investor Feedback และ กระบวนการ PPP ต่อไป
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่ม content คุณภาพจากพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีการแถลงผังรายการของช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ในวันที่ 29 พ.ย.61 นี้ ส่วนสื่อวิทยุเริ่มพัฒนาสู่ธุรกิจ Digital Platform โดยเร่งขยายนำ content ลงใน digital platform เพื่อขยายฐานผู้ฟังให้มากขึ้น ควบคู่กับการบริหารต้นทุนด้านการบริหารจัดการและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น