นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) เปิดเผยว่า AIMIRT เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ เพื่อขออนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในอสังหาริมทรัพย์ รวมมูลค่าไม่เกิน 4,300 ล้านบาท
การขออนุมัติลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นไปตามแผนงานของบริษัทฯ ที่ต้องการผลักดันขนาดทรัพย์สินและรายได้ของทรัสต์ AIMIRT ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเข้าลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรม (Industrial) ที่มีศักยภาพและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเป็นที่ต้องการของผู้เช่า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 เท่า จากการเข้าลงทุนครั้งแรกที่มีขนาดทรัพย์สินทั้งสิ้น 2,140 ล้านบาท
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 มีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่ 1. ห้องเย็นในโครงการเจดับเบิ้ลยูดี แปซิฟิก (ส่วนขยายเพิ่มเติม) ของ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) 2. คลังสินค้าโครงการ TIP 8 ของบริษัท ทิพย์โฮลดิ้ง จำกัด 3. ถังเก็บสารเคมีเหลวและคลังสินค้าโครงการ SCC ของ บมจ.สยามเฆมี และ คลังสินค้าโครงการสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ของบริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จำกัด
สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดล้วนมีจุดเด่นและมีมาตรฐานการก่อสร้างระดับเวิลด์คลาส อีกทั้งยังตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ จึงมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำในไทยและต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มบริษัทไทยออยล์ เอสโซ่ และโตชิบา เป็นต้น ซึ่งผู้เช่าเหล่านี้ล้วนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมและมีเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคง นอกจากนี้ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ยังมีการกระจายตัวอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งภาคการผลิต อาหาร ยารักษาโรค สินค้าอุปโภคบริโภค การก่อสร้าง รวมถึงการคมนาคมและโลจิสติกส์ ช่วยลดการกระจุกตัวของรายได้จากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
ดังนั้น จึงมีความมั่นใจว่าการขออนุมัติลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการเพิ่มศักยภาพและขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ AIMIRT ให้มั่นคงและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และผลักดันรายได้ขยายตัวจากการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
"เรามั่นใจว่าหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ จะผลักดันผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน เนื่องจากเราได้คัดเลือกทรัพย์สินที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ เพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 7.9% ได้" นายจรัสฤทธิ์ กล่าว