นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลลาดพร้าว (LPH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 62 คาดว่าจะเติบโต 10-15% ใกล้เคียงกับปี 61 ขณะที่โครงการลงทุนในโรงพยาบาลที่มีผลกำไรได้ข้อสรุปเบื้องต้นทั้งสัดส่วนการลงทุนและราคาแล้วอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้ขาย คาดว่าจะรอผลประกอบการของปี 61 ก่อน
สำหรับแผนการนำบริษัทลูก คือ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 63 ช้ากว่ากำหนดเดิมในปี 62 เนื่องจากรองบการเงินให้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานกว่านี้ โดยคาดว่ากำไรของ AMARC น่าจะดีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปีหน้า ดังนั้นการเลื่อนขายหุ้น IPO จะส่งผลดีต่อ LPH ในแง่ของมูลค่าหุ้น AMARC ที่มีต่อ LPH ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.261) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 1,217.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.61 ล้านบาท คิดเป็น 10.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,102 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 140.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 10.04%
บริษัทมีรายได้การรักษาพยาบาลประมาณ 1,025.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็น 6.56% มาจากรายได้จากผู้ป่วยชำระเงินประมาณ 613.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 19.59% เป็นผลมาจากโครงการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 5 ศูนย์ที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการส่วนนี้เพิ่มขึ้นกว่า 21.42% เป็นรายได้โตกว่า 40.81% และมีรายได้จากการบริการประมาณ 122.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็น 15.96%
ด้านประกันสังคมมีรายได้ประมาณ 412.36 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 8.23% เนื่องจากรายได้ประกันสังคมภาระเสี่ยงโรคเรื้อรัง และ RW>2 (ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง) ลดลง
ส่วนงวดไตรมาส 3/61 บริษัทฯ มีรายได้รวม 420.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 388.90 คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 8% โดยมีรายได้การรักษาพยาบาล 352.62 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 48.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 49.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 6.87%
นางอังกูร กล่าวว่า แนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลจะมีผู้เข้าใช้บริการในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยที่ชำระเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของรายได้ปีนี้จะสูงถึง 36.53%
ส่วนแผนการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 61 โรงพยาบาลฯ ขยายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์จากเดิม 5 ศูนย์ เป็น 10 ศูนย์ ศูนย์ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ศูนย์สุขภาพสตรี, ศูนย์สุขภาพเด็ก, ศูนย์ตรวจสุขภาพ, ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์หัวใจ เป็นการลงทุนขยายพื้นที่บริการ ซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ส่วนแผนการลงทุนเดิม โครงการโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา ยังดำเนินการตามแผน แต่อาจมีการปรับจำนวนเตียงลดลง จากเดิมที่จะเป็นโรงพยาบาลรักษาโรคทั่วไปและรับผู้ป่วยประกันสังคม และเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยปรับให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือศูนย์ตรวจสุขภาพแทน
"มุมมองต่อการเติบโตในอนาคต มองว่าโรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องขยายตัวโดยการเพิ่มจำนวนเตียงมากๆ เหมือนอดีตที่ผ่านมา โดยในช่วง 3-5 ปีนี้ จะมีโรงพยาบาลเกิดใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะเพิ่มขึ้นอีก 8-9 โรงพยาบาล ถ้าเป็นโรงพยาบาลลักษณะเดียวกัน จะทำให้เกิด Over Supply ได้ ดังนั้นในมุมมองการเติบโตของ LPH ในอนาคต เราจึงมองไปที่การขยายโรงพยาบาลในลักษณะการให้บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ รองรับการขยายการลงทุนของ EEC ในอนาคต ทั้งนี้ในปัจจุบันโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องตรวจสุขภาพพนักงานทุกปี ต้องมีการตรวจด้านอาชีวอนามัย มีห้องพยาบาล มีแพทย์ เราจะขยายงานด้านตรวจสุขภาพนอกสถานที่และให้บริการในด้านนี้เพิ่มขึ้น ผลประกอบการปีนี้ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 10-15% โดยปีนี้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าเงินสดเทียบกับประกันสังคม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60:40"นายอังกูร กล่าว