กลุ่มแบงก์ร่วงแรงกว่า SET โบรกฯคาดศก.ชะลอตัวส่งผลลบ อาจไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย-เล็งปรับลดประมาณการกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 20, 2018 11:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลง 1.05% มากกว่าดัชนี SET ที่ปรับลง 0.58% โดยหุ้น SCB BBL KBANK ปรับตัวลงมาก เมื่อเวลา 10.56 น.

KBANK อยู่ที่ 40.25 บาท ลดลง0.25 บาท(-0.62%)

BBL อยู่ที่ 204 บาท ลดลง 2.00 บาท (-0.97)%

SCB อยู่ที่ 194 บาท ลดลง 2.50 บาท (1.27%)

KTB อยู่ที่ 19.80 บาท ลดลง 0.10 บาท (0.51%)

BAY อยู่ที่ 135 บาท ลดลง 1.50 บาท (1.10%)

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า จีดีพี ในไตรมาส 3/61 ชะลอตัวลงต่อเนื่องเหลือ 3.3% (ต่ำกว่าประมาณของตลาดรวม และเคจีไอ ที่ประมาณ 4.2%/4.3%) จะส่งผลลบต่อการเติบโตของรายได้กลุ่มธนาคาร อันเป็นผลจากโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ได้น้อยกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มส่วนต่างดอกเบี้ยธนาคารในปีหน้า ทั้งนี้ประมาณการเติบโตเศรษฐกิจของนักเศรษฐสาตร์ KGI เราได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2561 ลงเหลือ 4.3% (จากเดิม 4.8%) และอาจจะเป็น 4.5% ในปีหน้า (ลดลงจากเดิม5.1%)

นอกจากนี้ GDP ที่ชะลอตัวลงก็อาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ระดับเดิมไปอีกระยะหนึ่ง (จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้) ทั้งนี้เราใช้สมมติฐานในกรณีฐานว่า margin ปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 10bps และหนุนให้กำไรสุทธิโตได้ประมาณ 4% (เราคาดว่ากำไรของกลุ่มในปี 2561/62 จะโต +11%/+8%) ดังนั้นหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นได้ช้าลง ทำให้กำไรของธนาคารมีความเสี่ยงลดลงประมาณ 4% จากประมาณการเดิมทั้งนี้ เราอาจจะต้องปรับลดประมาณการกำไรของ BBL, KBANK, TMB, KTB, และ SCB ลง

เท่าที่ผ่านมาในรอบปีนี้ ธนาคารส่วนใหญ่สามารถบริหารจัดการ NPL ให้ทรงตัวได้ และ NPL coverage ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการตัดหนี้สูญ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KBANK, KTB, TMB, และ BBL) แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อภาวะเศรษฐกิจพลิกมาเป็นขาลง ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการไหลกลับของหนี้ปรับโครงสร้างมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KBANK ซึ่งสินเชื่อปรับโครงสร้างคิดเป็นสัดสว่นเกือบ 10% ของสินเชื่อรวม ในขณะที่ของ BBL, KTB, และ SCB อยู่ที่ 5-6% เท่านั้น เราใช้สมมติฐานในกรณีฐาน ว่า credit cost ของกลุ่มธนาคารจะลดลงเกือบ 10bps โดยคาดว่าของ KBANK จะลดลง 20bps เหลือ 165bps ในปีหน้า

จากการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ความเสี่ยงที่กำไรของ BBL จะต่ำกว่าที่คาดไว้จะมาจากการที่สินเชื่อไม่โตตามคาด ในขณะที่ความเสี่ยงของ KBANK จะมาจากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองจากหนี้ปรับสร้าง ดังนั้น หากคุณภาพสินทรัพย์แย่ลงก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงด้าน downside ต่อกลุ่มธนาคาร สำหรับในแง่ราคาหุ้นนั้น P/E ของธนาคารส่วนใหญ่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ forward P/E 10x/9x ของกำไรปี 2561/62F


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ