บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปี(ปี 51-55) โดยอัตรากำไรสุทธิจะเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่บริษัททำได้ในช่วงที่ผ่าน ๆ มา โดยขณะนี้บริษัทกำลังเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งการลงทุนเอง และการร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อกระจายธุรกิจออไปทั้งในและต่างประเทศ
นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน MINT กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรในธุรกิจโรงแรมและอาหารรวม 4 ดีล ใช้เงินร่วมทุนโครงการละ 1 พันล้านบาท จึงคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 4 พันล้านบาท โดยเตรียมขออนุมัติจากคณะกรมการบริษัทเพื่อกำหนดวงเงินออกหุ้นกู้ 7 พัน-1 หมื่นล้านบาทเผื่อไว้ใช้ในการลงทุนในอนาคต
"การร่วมทุนในประเทศจะเป็นการเทคโอเวอร์ แต่การลงทุนในต่างประเทศ คงเข้าถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50%" นางปรารถนา กล่าว
นอกจากจะมีโครงการร่วมทุนแล้ว บริษัทคาดว่าจะใช้ราว 4 พันล้านบาทในการสร้างโครงการเซนต์ ริจิส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนเซส โรงแรมอนันตราทั้งที่ภูเก็ตและเขาหลัก และ โรงแรมที่มัลดีฟส์ รวมทั้งลงทุนในธุรกิจอาหาร โดยการขยายสาขาเพิ่มอีก 70-100 แห่งทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้กระแสเงินสดที่ปัจจุบันมีอยู่ 4 พันล้านบาท
สำหรับแผนลงทุนต่างประเทศของ MINT ในปี 51 จะขยายไปยังเวียดนาม แอฟริกาใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย โดยมองทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหาร
"ที่ออสเตรเลียจะเห็นชัดเจนที่สุด หลังจากที่บริษัทเข้าไปร่วมลงทุน Cofee Club โดยถือหุ้น 50% หรือคิดเป็น 100 สาขา จากทั้งหมดที่มี 200 สาขา โดยชำระเงินทั้งหมดประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งชำระไปบ้างแล้วเมื่อพ.ย. 3 ล้านเหรียญ" นางปรารถนา กล่าว
นางปรารถนา กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 51 รายได้จากธุรกิจอาหารของเครือไมเนอร์จะเติบโตราว 10-15% ส่วนธุรกิจโรงแรมจะเติบโตราว 12-18% ซึ่งในปีนี้จะเปิดโรงแรมเพิ่มอีกแห่งช่วงปลายปี หลังจากเปิดโรงแรมใหม่ไปแล้ว 3 แห่งในปีก่อน ส่งผลให้ปีนี้รายได้จะเติบโตได้ดี โดยธุรกิจโรงแรมมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจอาหาร ทำให้กำไรของบริษัทไปถึงเป้าหมายเติบโต 20% ได้
"การขยายธุรกิจโดยลงทุนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้บริษัทมีรายได้และกำไรเติบโตขึ้น ประกอบกับปี 51 คาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมา ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจอาหารที่ในปี 50 แทบจะไม่มีการเติบโต" นางปรารถนา กล่าว
อนึ่ง ในวันนี้กลุ่ม MINT ลงนามในสัญญาใช้บริการเอาท์ซอร์สทางด้านไอทีระยะยาวของบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายตลอดอายุสัญญา 1.3 พันล้านบาท ทำให้บริษัทลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 1-2% ต่อปี และมีพนักงานประมาณ 40 คนที่โอนไปอยู่กับ IBM
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--