นายบัลลังก์ ไวยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวยอมรับว่า ยอดขายในรูปของเงินบาทในปีนี้จะปรับตัวลดลงจากปีก่อน หลังจากที่งวด 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายปรับตัวลดลงไปแล้ว 2.9% โดยได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามยอดขายที่อยู่ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 14-15% แม้ 9 เดือนที่ผ่านมาจะทำได้เพียง 13.8% แต่ในช่วงไตรมาส 3/61 อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15.7% แล้ว และเชื่อว่าจะปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4/61 เนื่องจากบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับราคาขายสินค้าให้สะท้อนกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาวัตถุดิบเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติและสามารถทำกำไรได้
สำหรับแผนการขายกิจการโรงงานทูน่าในประเทศอังกฤษนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนและสรุปได้ภายในช่วงปลายปีนี้ และบริษัทจะสามารถบันทึกผลขาดทุนหรือกำไรเข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 4/61 ทันที
"เรื่องการขายกิจการในประเทศอังกฤษนั้นปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเจรจา แต่จะมีกำไรหรือขาดทุนนั้นตอนนี้เราบอกไม่ได้เลย เพราะหากบอกไปก็จะสามารถคำนวนราคาขายได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามหากแล้วเสร็จเราก็จะรีบเปิดเผยในทันที ซึ่งกระบวนการต่างๆจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/61 นี้"นายบัลลังก์ กล่าว
นายบัลลังก์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 62 ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำแผน และจะมีการเปิดเผยอย่างเป็นการทางการในช่วงเดือน ก.พ.62 พร้อมกับการเปิดเผยผลประกอบการทั้งปีของปี 61 ซึ่งบริษัทยังคงเน้นการหากิจการที่เหมาะสมเพื่อเข้าซื้อและต่อยอดการเติบโตของกิจการ