นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/61 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 838.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.67 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 549.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52.75% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 13.84 ล้านบาท จากงวดปีก่อนที่ขาดทุน 17.81 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 61 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 2,190.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 452.71 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้ 1,737.41 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 26.06% โดยมีกำไรสุทธิ 13.02 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 49.56 ล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือนที่ลดลง เป็นผลมาจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรจากรายการพิเศษ 42.89 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สงสัยจะสูญที่โอนกลับจำนวน 23.20 ล้านบาท และกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน 19.69 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนปรับปรุงโรงงานและประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการเพิ่มบุคลากร เพื่อรองรับกับการขยายงานในอนาคต
นายภูวสิษฏ์ กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป ในไตรมาสที่ 3 มียอดขายหนังเพิ่มขึ้น 207 ล้านบาท เนื่องจากภายหลังการปรับปรุงบุคลากรและเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 1.8 ล้านตารางฟุตเป็นเฉลี่ย 2.2 ล้านตารางฟุต
ขณะที่ธุรกิจฟอกหนังในปีนี้ บริษัทฯ ประเมินว่ายังเป็นกระแสที่มาแรง ทำให้ตัดสินใจลงทุนเพิ่มเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิต โดยตั้งแต่กลางไตรมาสที่ 2 จนถึงปัจจุบัน สามารถเดินหน้าฟอกหนังวัวและหนังหมูได้ตามกำลังผลิตที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ มียอดฟอกหนังเพิ่มขึ้น โดยทำรายได้ 110 ล้านบาทจากปีก่อนอยู่ที่ 25 ล้านบาท อีกทั้งยังมีกำไรขั้นต้นในส่วนของการฟอกหนังวัวอีก 10 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนเป็นไปตามที่เราคาดไว้ว่า ธุรกิจฟอกหนังจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากซบเซามาระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีนี้ CPL ยังคงอยู่ในช่วงปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ทั้งการเพิ่มบุคลากร การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร รวมทั้งการปรับกลยุทธ์การบริหาร โดยเราจะเน้นทำงานใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้รู้ความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์การตลาดล่วงหน้าว่า ตลาดต้องการสินค้าแบบใดในช่วงเวลาใด ซึ่งยอมรับว่า ต้องทำงานหนักขึ้น แต่ก็จะทำให้เรามีความพร้อมในการผลิตและจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ทันกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ เชื่อว่า ด้วยคุณภาพของสินค้า CPL ประกอบกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก จะทำให้สินค้าของ CPL สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ประกอบการผลิตหนังฟอกสำเร็จรูปในแถบเอเชียได้เพิ่มขึ้น" นายภูวสิษฏ์กล่าว
ขณะที่ธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ ทั้งการผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 รายได้อยู่ที่ 170 ล้านบาท จากงวดปีก่อนอยู่ที่ 151 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมมีการผลิตและจ้างงานเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับภาคก่อสร้างขยายตัวดีขึ้นและมีความต้องการใช้สินค้าเซฟตี้ โปรดักส์มากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังแตกไลน์ไปสู่การให้เช่าอุปกรณ์นิรภัย ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ อีกช่องทางหนึ่ง