นางจินตณา กิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้และปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียม (LPG) ในปี 62 จะเติบโต 8-10% จากปีนี้ที่คาดรายได้จะเติบโตเป็น 65,000 ล้านบาท และปริมาณการขาย LPG จะเติบโตเป็น 3.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปตามยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดปีหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 75% และในประเทศจะอยู่ที่ 25% จากสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 70% และ 30% ขณะที่มองราคาก๊าซ LPG ปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 500-600 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีนี้คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการก่อสร้างคลัง LPG และท่าเรือ 2 แห่งในฝั่นตะวันตกของประเทศมาเลเซียน่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/62 โดยตั้งเป้าปริมาณการขายไว้ที่ 10,000 ตัน/เดือน ส่วนคลัง LPG และท่าเรือในประเทศเมียนมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 62 โดยตั้งเป้าจะมีปริมาณการขายที่ 8,000-10,000 ตัน/เดือน
ขณะที่ธุรกิจในประเทศจีน ตั้งเป้าปริมาณการขายเติบโต 5% รวมถึงในประเทศลาวก็ตั้งเป้าปริมาณการขายไว้ไม่เกิน 500 ตัน/เดือน เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าซื้อโรงบรรจุก๊าซ LPG ซึ่งมีขนาดเล็กเพียง 300-500 ตัน
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าปริมาณการขาย LPG ในประเทศบังกลาเทศ ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีก 30,000-40,000 ตัน/เดือน จากปัจจุบันมียอดขายแล้วที่ 40,000 ตัน/เดือน ทำให้มีความสนใจเข้าไปลงทุนคลังก๊าซ LPG ในประเทศบังกลาเทศเพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาถึงรูปแบบการลงทุนคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 62
ด้านความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการคลังและโรงบรรจุก๊าซ LPG ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนได้ในปี 62 เช่นกัน
สำหรับการลงทุนคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และท่าเรือขนส่ง จ.ระยอง บนพื้นที่ 155 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตได้ไม่เกินกลางปีหน้า
นายจินตณา กล่าวด้วยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/61 คาดว่าปริมาณการขาย LPG จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/61 ส่งผลทำให้ปริมาณการขาย LPG ทั้งปี 61 จะเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.5 ล้านตัน หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 3.2 ล้านตัน
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าของ SGP ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 2 โรงในเมียนมา กำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ก็เชื่อว่าจะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น