ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,609.86 จุด ลดลง 2.17 จุด (-0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 23,117.18 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,613.87 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,598.57 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงทดสอบระดับ 1,600 จุด แต่ก็แรงซื้อกลับเข้ามาทำให้ดัชนีฯรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง ทั้งนี้ที่บริเวณ 1,600 จุดเป็นระดับที่น่าสนใจเพราะอยู่ในเขต Oversold จึงทำให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับได้ อย่างไรก็ดี ดัชนีฯยังคงปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกัน โดยในช่วงเปิดเทรดติดลบมากถึง 1% แต่ในเวลาต่อมาก็สามารถลดช่วงลบลงได้มาเหลือติดลบราว 0.5%
ทั้งนี้ เป็นผลจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้า, การที่อังกฤษจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และงบประมาณของอิตาลี เป็นต้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงมากถึง 6.6% จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ และยังเรื่องข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบียด้วย พร้อมให้ติดตามการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ โดยให้จับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วงนอกรอบการประชุม และให้ติดตามความคืบหน้างบประมาณของอิตาลี
สำหรับตัวเลขส่งออกของไทยเดือนต.ค.ที่ออกมาเติบโต 8.7% ดีกว่าตลาดฯคาดที่จะเติบโต 4% ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดบ้านเรารีบาวด์ขึ้นมาได้
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ แต่ระยะสั้นยังติดแถว 1,615-1,620 จุด ซึ่งมองเป็นกรอบบนในเบื้องต้น พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,595 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,243.41 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,195.54 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 954.02 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 924.15 ล้านบาท ปิดที่ 438.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 835.00 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ลดลง 0.75 บาท