โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.อาร์เอส (RS) หลังมองการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์และอื่นๆ (Multi-Platform Commerce:MPC) โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มเครื่องสำอางที่จะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/61 และต่อเนื่องถึงปี 62 หลังจากที่ในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ที่ตลาดเครื่องสำอางถูกกระทบจากการตรวจสอบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างเข้มข้น แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.61 ทำให้มองว่ากำไรปกติของ RS ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/61
ส่วนธุรกิจมีเดีย ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมโฆษณาที่เติบโตในปีนี้และต่อเนื่องถึงปีหน้า ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกตั้งในประเทศมีความชัดเจนขึ้นน่าจะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาขยายตัว อย่างไรก็ตาม มองกำไรของ RS จะเติบโตได้โดดเด่นในปี 61 และปี 62 ขณะที่ราคาหุ้น RS ที่ปรับลดลงมามากในช่วงก่อนหน้านี้จนทำให้มี Upside มากขึ้นจากราคาเป้าหมาย จึงมีความน่าสนใจในการลงทุน
พักเที่ยงราคาหุ้น RS อยู่ที่ 14.90 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.13%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคจีไอ (ประเทศไทย) Outperform 20.70 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 18.00 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 25.50 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 20.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 22.50 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 25.50
นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ RS ในช่วงไตรมาส 4/61 จะฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน จากผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางในกลุ่ม MPC ที่ตลาดถูกกระทบชั่วคราวจากการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายและไม่ได้มาตรฐานในช่วงไตรมาส 2-3 ก็เริ่มกลับมาเห็นสัญญาณดีขึ้นเมื่อปลายเดือน ส.ค.และดีขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. ทำให้คาดว่ารายได้ที่ชะลอตัวจากสินค้าดังกล่าวจะกลับเข้าสู่ปกติ และจะผลักดันให้ยอดขายเติบโตมากเมื่อเทียบกับงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน และเชื่อว่าจะต่อเนื่องไปถึงในปี 62 ด้วย จากการที่ RS สามารถรักษาระดับคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพสินค้า รวมถึงมีการเพิ่มรายการสินค้าออกมามากขึ้นด้วย
ส่วนธุรกิจมีเดียอื่น ๆ คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีหน้าที่ตลาดคาดการณ์อุตสาหกรรมโฆษณาจะเติบโต 3-5% ซึ่ง RS จะต้องปรับโปรแกรมเพื่อดึงดูดใจให้ดึงเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาให้มากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าธุรกิจสื่อโดยรวมจะสร้างสัดส่วนรายได้ให้ RS ราว 41% และธุรกิจ MPC อยู่ที่ราว 57%
ทั้งนี้ ธุรกิจ MPC ประกอบด้วย สินค้าสุขภาพและความงาม (Health & Beauty Products) และสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัวและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Home & Lifestyle Products) และเครื่องประดับและบริการต่างๆ ที่ปัจจุบัน RS มีทั้งสิ้นเกือบ 100 รายการ
ฟิลลิปฯ ประมาณการกำไรของ RS ในปี 61 จะเติบโต 52% มาที่ระดับ 508 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอีก 29% เป็น 655 ล้านบาทในปี 62
"ปีหน้าเราคาดว่าผลการดำเนินงานของ RS จะเติบโตต่อเนื่อง หลังจากที่ปีนี้ทั้งตลาดเจอปัญหาเรื่องสินค้าไม่ได้มาตรฐานไปกว่า 4 เดือนเต็ม ๆ แต่ RS ยืนการระดับระดับมาตรฐาน การเพิ่มประสิทธิภาพเราก็ยังมองเห็นการเติบโต"นายสยาม กล่าว
ด้านนายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรปกติของ RS ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/61 และเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 3/61 แม้กำไรปกติในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้จะอยู่ที่ 63% ของกำไรปกติปี 61 แต่คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4/61 จากรายได้ของธุรกิจ MPC ที่ขยาย ตัวโดดเด่น หลังผู้บริโภคคลายความกังวลใจจากการตรวจจับสินค้าของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมีความเชื่อมั่นในสินค้าของ RS มากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้เฉลี่ยของธุรกิจ MPC จะอยู่ที่ 7 ล้านบาท/วัน จากการใช้ Outbound call ช่วยเพิ่ม ticket size ,ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์ Organic, และรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์อื่น อย่างการขายประกัน, รูปหล่อพระพิฆคเณศ และเทพทันใจสำหรับบูชา ได้รับการตอบรับที่ดี
นอกเหนือจากนี้ RS ยังมีแผนจัด 1781 Grand Sales คาดว่าจะผลักดันรายได้เติบโตเด่น โดยคงประมาณการกำไรปกติของ RS ในปีนี้ที่ระดับ 503 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน และคาดว่ากำไรปกติในปี 62 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 778 ล้านบาท ผลักดันจากรายได้ของธุรกิจ MPC ที่ขยายตัว 27% และรายได้จากธุรกิจมีเดียที่เติบโต 14% จากกรอบการเลือกตั้งที่ชัดเจน ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาขยายตัว
"เรามองว่ากำไรปกติได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/61 ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา ได้สะท้อนผลกระทบจากการตรวจจับสินค้าของ อย.ไปมากแล้ว ซึ่งผลดังกล่าวจะกระทบต่อรายได้ MPC ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวเรามองว่า RS เป็นหนึ่งในหุ้น Domestic play ที่โดดเด่น"นายอำนาจ กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ยอดขายของธุรกิจ MPC ในไตรมาส 3/61 ถูกกระทบจากกรณีการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างเข้มข้นของ อย. แต่ก็มองว่าแนวโน้มของ RS ดูสดใสขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป เนื่องจากยอดขายของธุรกิจ MPC กลับมาอยู่ในระดับปกติตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค.61 และในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงหน้าเทศกาลซึ่งคาดว่าผู้บริโภคจะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงการซื้อสินค้า MPC ของ RS ด้วย นอกจากนี้ยังคาดว่ารายได้ของธุรกิจสื่อก็น่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อไตรมาส เนื่องจากคาดว่าเรตติ้งฟื้นในเดือน ต.ค.61 เป็น 0.49 จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 2/61
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากปีที่แล้ว และปีหน้าที่ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีนี้ เนื่องจากคาดว่ากำไรน่าจะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป โดยประมาณการกำไรปีนี้มี Downside เพียงแค่ 2-3% เท่านั้น