โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น TVO รับผลดีปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลือง/ปันผลสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 11, 2008 09:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกฯ เชียร์ซื้อหุ้น บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO) มองได้ประโยชน์จากที่กระทรวงพาณิชย์กำลังจะเปิดไฟเขียวให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองรอบที่ 2 น่าจะทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เพราะปรับราคาขายสินค้าในสต๊อกเก่าขึ้นได้ทันที นอกจากนี้ ราคากากถั่วเหลืองก็จะดีขึ้นด้วย ขณะที่มีความน่าสนใจในฐานะเป็นหุ้นปันผลสูงอยู่แล้ว 
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 19.37
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 15.90
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 15.80
บล.ไซรัส ซื้อ 17.00
บล.เอเซีย พลัส ซื้อ 16.41
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า จากการที่กระทรวงพาณิชย์จะอนุญาตให้ปรับราคาน้ำมันพืชรอบที่ 2 จะส่งผลดีต่อ TVO น่าจะทำให้แนวโน้มผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องต่อจากไตรมาส 4/50 อีกทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(dividend yield)สูงถึง 9.38%
"ราคาหุ้นมาช้ากว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่มน้ำมันพืช เพราะหุ้น บมจ.ล่ำสูง(ประเทศไทย)(LST)และ บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม(UPOIC)ขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว TVO เพิ่งจะขึ้นมาวันนี้ค่อนข้างแรง สาเหตุเนื่องมาจากทางกระทรวงพาณิชย์อนุมัติเรื่องการขึ้นราคาน้ำมันพืช โดย TVO ให้ปรับขึ้นรอบที่ 2 อีก 3 บาท และถัดไปขึ้นอีก 3 บาท เพราะการปรับขึ้นของราคาน้ำมันพืช การขึ้นมีผลทันทีในขณะที่สต็อกยังเป็นสต็อกเก่า"น.ส.มยุรี กล่าว
นอกจากนี้ หุ้น LST คงได้ปัจจัยบวกแน่นอนจากประเด็นตรงนี้
อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์พิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันพืชรอบที่ 2 โดยจะมีผลทำให้เพดานราคาของน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มอยู่ที่ขวดละ 48.50 บาท และ 46.50 บาท สาเหตุหลักเกิดจากความต้องการนำวัตถุดิบไปใช้ผลิตไบโอดีเซล และการบริโภคในระดับสูงจากประเทศจีน
น.ส.มยุรี คาดว่าการปรับขึ้นราคาน้ำมันพืชส่งผลดีต่อ TVO โดยจะทำให้สามารถรักษา GPM ไว้ได้ที่ระดับ 11.5 — 12% ประกอบกับทำให้ง่ายต่อ TVO ในการบริหารการสั่งซื้อวัตถุดิบ บวกกับการเติบโตของธุรกิจในประเทศจีนที่คาดว่าจะเติบโตถึง 30% yoy และการเป็นหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงคือ 9.38%
ด้าน น.ส.ดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองปีนี้ราคาขายกับราคาถั่วเหลืองน่าจะดี เพราะสหรัฐหันไปปลูกข้าวโพดมากขึ้นเพื่อนำไปผลิตเอทานอลจึงลดพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองลง และหากดีมานด์ของน้ำมันทางเลือกมากขึ้นก็จะทำให้ราคาตลาดโลกของน้ำมันพืชดี
"ถ้าเมล็ดถั่วเหลืองราคาขึ้น ราคากากถั่วเหลืองก็จะผลักราคาได้ คือราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นรายได้หลักที่ขายให้กับโรงงานอาหารสัตว์ก็จะดีขึ้นด้วย"น.ส.ดาวดี กล่าว
ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจากเรื่องการปรับราคาน้ำมันพืชขึ้นและราคาตลาดก็ปรับขึ้นด้วยเพราะน้ำมันเพิ่มขึ้น แนะซื้อให้ราคาพื้นฐาน 15.80 บาท และผลตอบแทนจากเงินปันผลดี ภาพโดยรวมดีทั้งผลประกอบการเองและ TVO เนื่องจากเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในกลุ่มทั้งกากถั่วเหลืองและน้ำมันพืชได้รับผลดีโดยตรงถ้าสามารถผลักภาระทั้งหมดได้
"ภาพรวมดีทั้งหมด มีปัจจัยบวกเยอะ เพียงแต่ช่วงนี้คนมาไล่เรื่องราคาน้ำมันพืชมากกว่า"
โดยปัจจุบันราคาขายบรรจุขวดอยู่ที่ 45 บาท และจะให้ปรับสูงสุดแค่ 51 บาทภายในกลางปีนี้ ซึ่งตอนนี้ทั้งกากถั่วเหลือง เมล็ดถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นพืชที่นำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนปรับขึ้นทั้งหมดในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน
บล.ไซรัส ประเมินว่า การที่ทางการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองเพื่อสะท้อนราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การปรับราคาขึ้นได้จะเป็นผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นของผู้ผลิต ในบรรดาผู้ผลิตน้ำมันพืชในตลาด TVO ได้เปรียบโรงงานอื่นในด้านต้นทุนการผลิตเพราะมีกำลังการผลิตสูงสุด
นอกจากนี้ รายได้จากการขายน้ำมันพืชตรา“องุ่น"เป็นเพียงรายได้ส่วนหนึ่งของ TVO เนื่องจากที่น้ำมันพืชเพื่อการบริโภคที่ส่งขายโดยตรงให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งไม่ใช่สินค้าควบคุม ไม่มีเพดานราคา บริษัทสามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนและตามสภาพการแข่งขัน
บล.เอเซีย พลัส คาดว่าราคาเมล็ดถั่วเหลืองยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยถูกผลักดันจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นมาจากการนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงทดแทน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาผลิตภัฑณ์แปรรูปจากถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้น
การปรับเพิ่มเพดานราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดเห็นว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นให้กับ TVO ในการที่จะบริหารจัดการประสิทธิภาพการทำกำไรของบริษัทฯให้อยู่ในเกณฑ์สูง โดยในงวด 4Q50 คาดว่า Gross Margin น่าจะทรงตัวอยู่เหนือ 12.2% ได้
ส่วนในปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่ 12.29% ทั้งนี้ภายใต้สมมุติฐานที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม โดยภาพรวมคาดว่า TVO น่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 926 ล้านบาทในปี 50 และเพิ่มเป็น 1,008 ล้านบาทในปี 51 สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามได้แก่เรื่องการพิจารณาขยายกำลังการผลิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา และยังมีระดับ Dividend Yield ที่จูงใจอยู่ในเกณฑ์ 7-8% ต่อปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ