นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Feedstock และ PET บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) กล่าวว่า บริษัทยังคงคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 62 จะเติบโตมาที่ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากบริษัทขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมเศรษฐกิจยังส่งผลบวกต่อเนื่องทำให้ความต้องการเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทเน้นสินค้ากลุ่ม HVA ที่เป็นสินค้ามูลค่าสูงและให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงถึง 20% โดยมีสัดส่วน 40% ของรายได้
ขณะที่โรงงาน PTA-PET ในสหรัฐฯคาดว่าจะเริ่มการผลิตภายในปี 63 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 25% สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของตลาดโลก
ทั้งนี้ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง(สิ้นสุด ก.ย.61) บริษัทมี EBITDA ที่ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทได้วางงบลงทุนในปี 62 ที่ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไม่รวมดีลซื้อกิจการ (M&A) โดยบริษัทให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐที่บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอ และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ 0.53 เท่า
นายดีลิป กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทเข้าซื้อกิจการในประเทศบราซิลและอียิปต์ ทำให้ IVL มีกำลังการผลิตของโรงงาน PTA เพิ่มขึ้นจำนวน 1.1 ล้านตัน นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Kordarna ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ บริษัท Avgol ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ส่งผลต่อกำไรในปี 62
ปัจจุบัน บริษัทมีการดำเนินงานกระจายตัวใน 30 ประเทศทั่วโลก รองรับตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ และยังคงสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับไตรมาส 4/61 คาดว่าผลการดำเนินงานดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/60 แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด)อ่อนตัวลง แต่มีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามา
นายดีลิป กล่าวว่า บริษัทแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เพราะบริษัทมีโรงงานผลิตในแต่ละประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทการค้าดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากกรณีที่เศรษฐกิจจีนจะรับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยตรง