นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าพัฒนาเส้นทางและระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสงครามการค้าจะเป็นตัวแปรสำคัญของการเดินหน้าธุรกิจ โดยบริษัทกำหนดแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ 3 ปี (62-64) ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี อัตรากำไรสุทธิ 7%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปี 64 จะมีรายได้รวมราว 3,300 ล้านบาท และก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคเอเชียที่มีบริการครบวงจรสามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการค้าที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นการสร้างโครงข่ายพันธมิตรในธุรกิจขนส่งอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจมาจากการขยายธุรกิจแบบ organic growth ที่คาดว่าเติบโต 10-15% ต่อปี จากการขยายการให้บริการขนส่งข้ามชายแดน (Cross Boarder Service), ธุรกิจคลังสินค้า (Warehouse), ธุรกิจขนส่งทั้งทางอากาศและทางทะเล ประกอบกับบริษัทมีแผนขยายเครือข่ายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มากขึ้นเพื่อรองรับผู้ประกอบการที่มีการย้ายฐานการผลิตจากจีนสู่ภูมิภาค และส่งเสริมให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
โดยการขยายเครือข่ายคาดว่าเป็นไปได้หลายรูปแบบทั้งเป็นความร่วมมือ, การเข้าซื้อกิจการ และการร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ 2-3 ราย วางกรอบการลงทุนไว้ราว 200 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินกู้ คาดว่าสามารถสรุปความชัดเจนได้ภายในปี 62
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/61 เป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้า แต่ WICE ในประเทศต่างๆ มีปริมาณการให้บริการกับลูกค้าเพิ่มขึ้น เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% อยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 25 ปี
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ WICE แบ่งเป็น Sea Freight 35%, Air Freight 45%, การให้บริการ Logistics 17% และ Cross-Border Services 3%
นายชูเดช กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศคาดว่ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ปัญหาสงครามการค้ายังไม่คลี่คลาย แต่เชื่อว่าการเติบโตทางการค้า-การลงทุน ทั้งในส่วนของภาคการผลิตเดิม การย้ายฐานการผลิต และอีคอมเมิร์ซ จะเข้าสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งประเทศไทยยังมีการดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) พัฒนาเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ภาคตะวันออกภายในระยะเวลา 5 ปี (2560-2564) คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนเข้ามาอีกมากในอนาคต ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ความต้องการบริการขนส่งเพื่อนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการใช้งานพื้นที่คลังสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ทุกประเภท
บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานจากผู้ผลิตแผงโซล่าเซลล์รายใหม่ของประเทศจีน เพื่อให้บริการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร เป็นระยะเวลา 1 ปี คิดเป็นมูลค่าการให้บริการอยู่ที่ 40 ล้านบาททยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป การรับงานลูกค้ารายใหม่ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องขยายพื้นที่คลังสินค้าแห่งใหม่พื้นที่ 17,600 ตารางเมตร ที่ อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ลดต้นทุนในการบริหารจัดการ บริษัทจึงได้มีการรวมคลังสินค้าที่มีอยู่เดิม 5,000 ตารางเมตร / 8,000 ตารางเมตร ไว้เป็นแห่งเดียวกันและยังสามารถมีพื้นที่เหลือสำหรับการให้บริการลูกค้าใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายโอนงานโลจิสติกส์จากซัพพลายเออร์เดิมในประเทศจีนให้กับ WICE กวางโจวและเซี่ยงไฮ้ได้มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 70% ของปริมาณงานทั้งหมดที่เคยใช้บริการจากซัพพลายเออร์เดิม ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเกิดการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในส่วนของการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ งานบริการขนส่งในประเทศ งานด้านการขนส่งข้ามชายแดน (Cross border) ตามเส้นทาง One Belt One Road ของจีน และงานบริหารคลังสินค้าเพิ่ม พร้อมขยายฐานลูกค้าในส่วนของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ Door-to-Door ควบคู่กับโปรโมทงานบริการทุกประเภท โดยดำเนินงานร่วมกันกับบริษัทเครือข่าย ทั้ง WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. , WICE Logistics (Singapore) Ltd. และบริษัทร่วมทุน EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ร่วมกัน
ด้านความคืบหน้าภายหลังการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ETL เพื่อให้บริการขนส่งข้ามพรมแดน (Cross-Border Transport Services) ระหว่างประเทศจีน ฮ่องกง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามเส้นทาง One Belt One Road ของจีน ปัจจุบันได้รับมอบตู้คอนเทรนเนอร์แบบสั่งทำพิเศษทั้งตู้สำหรับแช่เย็น และตู้แบบแห้งแล้วจำนวน 150 ตู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรองรับงานขนส่งข้ามชายแดนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ยังมีแผนจะสร้างคลังสินค้าในจีนเพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของจีน รวมถึงมองโอกาสส่งสินค้าไปยังยุโรปผ่านเส้นทางรถไฟจากจีนด้วย
"ตอนนี้ WICE เดินหน้าวางแผนงานร่วมกันให้ WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. และ WICE Logistics (Singapore) Ltd.ทำงานเชื่อมโยงกับ ETL ให้ขนส่งตามเส้นทางผ่านระหว่างประเทศไทย ไปมาเลเซีย ผ่านเวียดนาม ขึ้นไปจีน และด้านเส้นทางมาเลเซีย ผ่านสิงคโปร์ขึ้นไปจีน ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางการค้าสำคัญที่มีตลาดใหญ่มาก และมีผู้เล่นที่ให้บริการแบบครบวงจรอย่าง WICE ไม่มาก เราจึงมองว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะเข้าไปในตลาดนี้" นายชูเดช กล่าว