นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล. บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt : DR) ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นรายแรกในประเทศไทย คาดว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติและเตรียมเสนอขายได้ในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ ข้อมุลไฟลิ่งระบุ บล.บัวหลวงจะเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (E1VFVN3001) ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม จำนวน 30 บริษัทที่เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง โดยลงทุนผ่านกองทุน VFMVN30 ETF ซึ่ง VietFund Management (VFM)เป็นบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ต่างประเทศ มูลค่าไม่เกิน 6 พันล้านบาท โดยมีราคาเสนอขาย 15-30 บาท/หน่วย และให้ผู้สนใจจองซื้อขั้นต่ำจำนวน 20,000 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท
โดยใบจองซื้อตราสาร จะประกอบด้วยราคาต่อหน่วยโดยประมาณ ณ วันที่ผู้ออกตราสารจัดทำเอกสาร โดยคำนวณจากราคาตลาด ณ วันทำการล่าสุด และอัตราแลกเปลี่นสกุลเงินเวียดนามดอง ณ วันทำการล่าสุด, ช่วงวันที่ผู้ออกตรสารจะทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยเป็นสกุลเงินเวียดนามดอง และช่วงวันที่ผู้ออกตราสารจะส่งคำสั่งซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ
DR เป็นตราสารชนิดใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ผู้ลงทุนในไทยที่ต้องการลงทุนในหุ้นหรือ ETF ต่างประเทศได้โดยผ่านการซื้อขาย DR ที่จดทะเบียนให้ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการถือครอง DR จึงเป็นเหมือนการถือครองหลักทรัพย์นั้นๆ ทางอ้อม โดยที่ทำให้ผู้ถือจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับการถือหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ
จากประโยชน์ของตราสารทางการเงินชนิดนี้เสมือนกับการยกหุ้นต่างประเทศหรือกองทุน ETF ต่างประเทศที่น่าสนใจ มาให้นักลงทุนในประเทศได้ซื้อง่ายขายคล่องในรูปแบบของตราสาร DR ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องการเพิ่มบทบาทและความเชื่อมโยงกันกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเดียวกัน
ผู้ออก DR จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเสนอขาย DR ครั้งแรก (IPO) ตามที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้ผู้ลงทุนจองซื้อ DR จากนั้นผู้ออกจะไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศตามจำนวนที่ผู้ลงทุนจองซื้อในอัตราส่วน 1 DR ต่อ 1 หลักทรัพย์ต่างประเทศและฝากไว้กับผู้รับฝากทรัพย์สินที่ต่างประเทศ หลังจากนั้น ผู้ออกจะออกและจัดสรร DR ให้ผู้ลงทุนตามยอดที่มีผู้ลงทุนจองซื้อ และนำ DR จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้สามารถซื้อขายกันได้ ดังนั้น ทั้งผู้ลงทุนที่ซื้อที่ IPO หรือผู้ลงทุนใดๆ ที่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ใดๆ ในประเทศไทยก็สามารถทำการซื้อขาย DR ได้
นายบรรณรงค์ กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่าน DR สร้างความสะดวกให้แก่นักลงทุนไทยที่ต้องการจะลงทุนหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากทางบริษัทจะเป็นผู้ดูแลทุกอย่างแทน และราคาซื้อขาย DR จะแสดงเป็นราคา real-time ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัวคำนวณ
"ถ้าจะเข้าไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นเวียดนาม ค่อนข้างยุ่งยาก นักลงทุนต้องมีบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ในเวียดนาม ต้องโอนเงินไปพักไว้ก่อน มีภาระค่าใช้จ่ายหลายเรื่อง โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ นอกจากนั้นตลาดหุ้นเวียดนามมีกฎว่าจะได้รับหุ้นหลังจากสั่งซื้อแล้ว 2 วันจึงจะสามารถขายได้ มันไม่สะดวก แต่ทุกอย่างเราจะทำงานแทนให้"นายบรรณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงของการลงทุน DR จะมีความเสี่ยงความผันผวนจากราคาอ้างอิง ในที่นี้คือ ETF ซึ่งก็จะพิจารณาที่ NAV ในแต่ละวัน, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX), เครดิตผู้ออก และสภาพคล่องการซื้อขาย
"DR เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่จะไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบเล่นเก็งกำไร"นายบรรณรงค์ กล่าว
นายบรรณรงค์ กล่าวอีกว่า การเริ่มต้นจาก DR อ้างอิงการลงทุนในเวียดนามเป็นอันดับแรก เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มของการเติบโตที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ในเกณฑ์ดี ซึ่งบริษัทยังมองโอกาสที่จะออก DR อ้างอิงการลงทุนในประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนไทยในลำดับต่อไป อย่างเช่น ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง หรือดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐ
กรรมการผู้จัดการ BLS กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าหลักทรัพย์อยู่ราว 350,000 บัญชี ส่วนใหญ่ยังคงเทรดหุ้นเป็นหลักราว 80% ส่วนที่เหลือก็จะลงทุนในตราสารอื่น ๆ อาทิ ตลาด TFEX, ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW), Block Trade เป็นต้น
ทั้งนี้ ในส่วนของ DW ปี 61 บริษัทฯได้ออกมาราว 600-700 ตัว เพิ่มขึ้นจากปี 60 ที่ออก DW กว่า 300 ตัว เนื่องจากปีนี้นักลงทุนให้ความสนใจในการเทรด DW จำนวนมาก โดยในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาภาพรวม DW ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก สะท้อนจากมูลค่าซื้อขาย DW สะสมในเดือนที่ผ่านมานิวไฮที่ 98,205 ล้านบาท ด้วยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย DW ต่อหลักทรัพย์ทั้งระบบอยู่ที่ 8.8% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดย DW ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเดือน ต.ค.61 เป็น DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 Index ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 55.1% ของการซื้อขาย DW ทั้งอุตสาหกรรม
สำหรับธุรกรรม Block Trade โดยรวมในเดือน ต.ค.มูลค่าการซื้อขายโดยประมาณของ Block Trade Single Stock Futures เทียบกับมูลค่าการซื้อขายของหุ้นอ้างอิง คิดเป็น 8.94% ประมาณมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 3,183 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อขาย Block Trade Single Stock Futures สูงถึง 95.02% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของ Single Stock Futures ในตลาด TFEX
https://youtu.be/jBQ31Y4tVN0