นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป จำนวน 3 รายและได้ส่งสินค้าตัวอย่างไปให้โรงงานพิจารณาแล้ว ซึ่งเป็นการกลับมาเจาะตลาดในยุโรปอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ 1 รายภายในไตรมาส 1/62 ทั้งนี้ เพื่อขยายฐานลูกค้ารองรับกำลังผลิตของโรงงานใหม่ที่จะแล้วเสร็จในปี 63
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าหลักในประเทศจีน สิงคโปร์ และในไทย ซึ่งบริษัทมองว่าประเทศกลุ่มเดิมก็ถือว่ายังมีการเติบโตที่ดี โดยบริษัทได้เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าสิงคโปร์ หรือลูกค้ากลุ่มเทรดเดอร์ ทำให้มีลูกค้าทำสัญญาระยะยาวมากขึ้น คาดว่าลุกค้าที่ทำสัญญาซื้อยางระยะ 1 ปีจะเพิ่มเป็น 11 รายในปี 62 จากปีนี้อยู่ที่ 8 ราย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้คาดทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 9.8 พันล้านบาท เนื่องจากประเมินว่าราคายางพาราได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหลังปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดราคายางพาราปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 45 บาท/กิโลกรัม ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 53 บาท/กิโลกรัม
"คาดการณ์ยอดขายยางในปีหน้ามองว่ายังมีการเติบโตต่อเนื่อง จากทิศทางราคายางพาราน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ในเรื่องของมาร์จิ้นในช่วงต้นปี 62 อาจจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงในปีนี้"นายชูวิทย์ กล่าว
ขณะที่แผนขยายกำลังการผลิตในส่วนของยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ซึ่งจะส่งผลทำให้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีก 60,000 ตัน/ปีจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/62 ส่วนการสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางแท่ง (STR) และยางแท่งผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนในปี 63 ซึ่งจะใช้งบลงทุนในช่วงปี 62 ราว 456 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้น NER ที่ปรับตัวลดลง นายชูวิทย์ กล่าวว่า ได้ใช้เงินส่วนตัวทยอยเข้าซื้อหุ้น NER มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยบริษัทยืนยันว่าผลประกอบการของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 28 พ.ย.นี้ บริษัทจะมีการประชุมนักวืเคราะห์เพื่อแถลงแผนการดำเนินงาน