ทริส คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ TTW ที่ระดับ "AA-" แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 29, 2018 11:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. ทีทีดับบลิว (TTW) ที่ระดับ "AA-" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาว ตลอดจนความสม่ำเสมอของอุปสงค์น้ำประปา ความเสี่ยงในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าโดยบริษัทมีการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นลูกค้าหลัก ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยังเผชิญกับโอกาสในการขยายธุรกิจในพื้นที่ใหม่ ๆ ที่มีอย่างจำกัดอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

กระแสเงินสดที่แน่นอนและอุปสงค์ที่มีความสม่ำเสมอ

ฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายน้ำที่มีกับ กปภ. โดยบริษัทจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปา 2 ฉบับ ซึ่ง กปภ. มีพันธะในการรับซื้อน้ำประปาจากบริษัทในปริมาณขั้นต่ำจำนวน 712,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน สัญญาฉบับแรกมีอายุสัญญา 25 ปีซึ่งจะครบกำหนดในปี 2566 และฉบับที่ 2 มีอายุสัญญา 30 ปีซึ่งจะครบกำหนดในปี 2577 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิต จำหน่าย และให้บริการน้ำประปา รวมทั้งให้บริการบำบัดน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย โดยสิทธิดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2582

บริษัทมีรายได้หลักจากการให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาครและเขตพื้นที่รังสิต-จังหวัดปทุมธานี โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 64% และ 31% ของรายได้ในปี 2560 ตามลำดับ อุปสงค์ของน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2561 จากการขยายตัวของชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 854,000 ลบ.ม. ต่อวันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 โดยเพิ่มขึ้นจาก 795,000 ลบ.ม. ต่อวันในปี 2560

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 5,900-6,200 ล้านบาทต่อปีระหว่างปี 2561-2564 ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตอย่างสม่ำเสมอของชุมชนและจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้บริการของบริษัท

ความเสี่ยงในการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำจากอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง

ความเสี่ยงในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำของบริษัทเกิดจากลักษณะของอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง กล่าวคือ บริษัทเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการบางส่วนซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้ต้องการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนที่สูงในการสร้างโครงข่ายระบบส่งและจ่ายน้ำประปาและต้องได้รับสิทธิในการใช้ทางสำหรับการก่อสร้างโครงข่ายการส่งน้ำ อีกทั้งแหล่งน้ำดิบและการได้สัมปทานจาก กปภ. ก็เป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้าสู่ธุรกิจด้วยเช่นกัน

ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและไม่มีแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในช่วงประมาณการ สิ่งดังกล่าวทำให้สภาพคล่องและภาระหนี้ของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80% ซึ่งเท่ากับอัตราส่วนเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี

สภาพคล่องและภาระหนี้ของบริษัทดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะต่ำกว่า 40% ในระยะ 3 ปีข้างหน้าหลังจากการจ่ายชำระคืนหนี้ตามกำหนดและตัดงบในการลงทุนแล้ว อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะเพิ่มขึ้นจนถึง 68% ในปี 2564 จาก 41% ในปี 2560 และ 45% ณ เดือนกันยายน 2561 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีโดยใช้ข้อมูล 12 เดือนย้อนหลัง)

ในอีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี บริษัทมีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 1,940 ล้านบาทในปี 2562 และจำนวน 3,600 ล้านบาทในปี 2563 รวมทั้งยังมีแผนลงทุนอีกประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผลในจำนวนมากในระดับ 2,400-2,600 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่แหล่งเงินทุนของบริษัทจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานอย่างน้อย 3,700 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งเงินสดและเทียบเท่าเงินสด ณ เดือนกันยายน 2561 อีกจำนวน 2,700 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้น 25.31% ใน บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่า 9,500 ล้านบาท ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ที่จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทอีกด้วย

ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าและโอกาสในการขยายธุรกิจที่จำกัด

บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้า โดยบริษัทมี กปภ. เป็นลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งรายสำคัญอีกด้วย ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อปีของบริษัทมาจาก กปภ. มากกว่า 95% อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจากมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากจะเป็นลูกค้าหลักแล้ว กปภ. ยังเป็นคู่แข่งของบริษัทด้วย ทั้งนี้ หาก กปภ. สร้างโรงกรองน้ำประปาแห่งใหม่และจ่ายน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่บริษัทให้บริการก็จะส่งผลกระทบทำให้ยอดจำหน่ายน้ำของบริษัทลดลง

การเติบโตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเติบโตภายในพื้นที่ให้บริการเดิมของบริษัทมากกว่าการขยายตัวไปในพื้นที่ให้บริการใหม่ โดยทาง กปภ. ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนงานทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการผลิตน้ำประปาเอกชน

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเอาไว้ได้ อันดับเครดิตของบริษัทมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากโอกาสที่จำกัดในการขยายธุรกิจและการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างคงตัวมาก

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

คุณภาพเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบหากบริษัทมีการลงทุนโดยการก่อหนี้เพิ่มเป็นจำนวนมากจนส่งผลกระทบในทางลบต่อโครงสร้างเงินทุนและฐานะทางการเงินของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ