นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ. บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทช่วง 5 ปีจากนี้ (62-66) โดยวางเป้าจะมีอัตราการเติบของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 13-15% ต่อปี ซึ่งจะเป็นการเติบโตตามโรงไฟฟ้าที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างต่อเนื่อง และการเข้าซื้อกิจการ
ทั้งนี้ ภายใน 5 ปี (61-65) บริษัทวางงบลงทุนที่ระดับ 40,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการซื้อกิจการในพลังงานสะอาดที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้างในแถบเอเซียแปซิฟิกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม สปป.ลาว ใต้หวัน และเกาหลีใต้
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า 4-5 โครงการในเวียดนาม ออสเตรเลีย และ สปป.ลาว โดยมุ่งเน้นในโครงการที่มีขนาด 100-300 MW เบื้องต้นคาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 62 เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทงวดปี 62 วางเป้าจะมี EBITDA เติบโต 15% จากปี 2561 เนื่องจาก บริษัทจะมีโครงการพลังงานลมที่กำหนด COD จำนวน 10 เมกะวัตต์ (MW) และบันทึกรายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่ COD แล้ว
ขณะที่ปี 62 จะมีโรงไฟฟ้าที่จะ COD คือ รงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย ขนาด 10 MW ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะ COD ช่วงต้นปี 62 และจะเริ่มรับรู้รายทันที โดยโครงการดังกล่าวได้รับ Adder ที่ระดับ 3.50 บาท ส่งผลให้บริษัทจะมีโครงการที่ COD แล้วรวมทั้งสิ้นราว 390 MW
สำหรับงบลงทุนในปี 62 จำนวน 5,000 ล้านบาทจะใช้เพื่อรองรับการลงทุนของโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 191.30 MW ได้แก่ โครงการพลังงานลมในประเทศไทยจำนวน 10 MW กำหนด COD ต้นปี 62 ส่วนในประเทศญี่ปุ่นอีก 151.30 MW รวมถึงฟิลิปปินส์ 6 MW และประเทศอินโดนีเซีย 24 MW ที่จะทยอย COD อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ COD แล้วจำนวน 381 MW ได้แก่ ในประเทศไทยจำนวน 192 MW รวมถึงประเทศญี่ปุ่น 17.4 MW ขณะที่ฟิลิปปินส์ 14 MW และอินโดนีเซีย 157.5 MW
นายชาญวิทย์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทงวดปี 61 ยังคงเป้า EBITDA เติบโต 10-15% เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 381 MW รวมถึงบริษัทมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ