นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย(SPALI) คาดว่า ในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 38-39% จาก 40-41% ในปี 50 เนื่องจากต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะต้นทุนค่าก่อสร้าง และต้นทุนจากสิ่งแวดล้อม ทำให้บริษัทมีต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5-7%
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามเพิ่มรายได้และประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อให้กระทบอัตรากำไรขั้นต้นในน้อยที่สุด และปีนี้เชื่อว่าจะมียอดขาย 9,999 ล้านบาท จาก 8 พันกว่าล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากมองว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ดีขึ้น
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin) เชื่อว่าจะยังมีทิศทางที่ดีขึ้นและต่อเนื่องมาถึงปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 20% กว่า จาก 18-19% ในปี 49
นายประทีป กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการระดมทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการออกหุ้นกู้ที่เคยขายได้เต็มวงเงินไปแล้ว 1 พันล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางภายใน มี.ค.51
ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็น แม้ว่าขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายจะทยอยออกก็ตาม โดยจากการศึกษาพบว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ต้นทุนสูงกว่าเมื่อเทียบกับการกู้สถาบันการเงิน
นายประทีป กล่าวต่อว่า บริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการบันทึกบัญชีใหม่ที่ต่อไปการบันทึกยอดรับรู้รายได้ก็ต่อเมื่อมีการโอนจากเดิมที่สามารถบันทึกยอดรับรู้รายได้หากโครงการก่อสร้างไปแล้ว 40% แต่ว่าการที่มีสินค้าที่หลากหลายทำให้ได้รับผลน้อย โดยสัดส่วนการรับรู้รายได้ในปีนี้จะมาจากคอนโดฯ 70% และแนวราบ 30% ปรับจากเดิมที่มีสัดส่วน 60:40
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะนี้ได้รับการเช่ามากขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีอัตราการจองเข้ามา 10 กว่าราย เชื่อว่าในปีนี้จะมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่อาคารเฉลี่ย 200 ล้านบาท
ในวันนี้ SPALI ได้มีพิธีลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานริมถนนพระราม 3 กับทางบริษัท ติลลิกี แอนด์ กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 6 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 21-26 พื้นที่รวม 8,383.13 ตารางเมตร โดยการเช่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นการเช่าพื้นที่ที่สูงมากในส่วนของพื้นที่สำนักงาน
ทั้งนี้ อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าสูง 34 ชั้น โดยในขณะนี้มีบริษัทต่างๆ ให้ความวางใจเช่าพื้นที่อาคารประมาณ 23,000 ตร.ม.หรือ คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่อาคารทั้งหมด
"เท่าที่ประเมินภาพรวมอสังหาฯในปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน จากความต้องการของประชาชนที่เริ่มเข้ามาดูโครงการ โดยเฉพาะแนวราบ แต่ยอมรับว่าในส่วนต้นทุนก็ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเหล็ก แต่บริษัทก็จะพยายามเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ส่วนมาตรการของสิ่งแวดล้อมที่ให้ปลูกต้นใม้ ขณะนี้มีบางโครงการได้รับผลกระทบบ้าง แต่บริษัทได้แก้ไขโดยการเพิ่มผนังเสริมเหล็กและต้นไม้เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์"นายประทีป กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--