บมจ. อรินสิริ แลนด์ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น โดยบริษัทจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และมี บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ในครั้งนี้
วัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ และ/หรือ การเข้าลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนา, เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยคาดว่าจะใช้เงินภายในปี 62-63
บริษัทดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มพนักงานและข้าราชการที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและละแวกใกล้เคียงที่มีความต้องการขยับขยายที่อยู่จากที่อยู่เดิม และมุ่งหวังจะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของภาคตะวันออกในอนาคต
ณ วันที่ 30 ก.ย.61 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและอยู่ระหว่างการขาย 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,191.45 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการอรินสิริ สปอร์ต วิลเลจ มูลค่าโครงการ 1,340.24 ล้านบาท โครงการอรินสิริ คันทรี ฮิลล์ มูลค่าโครงการ 506.08 ล้านบาท และโครงการอรินสิริ ไพรเวซี่ มูลค่าโครงการ 345.13 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีโครงการที่เตรียมแผนพัฒนา 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,393.85 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ บีช @ บ้านฉาง ใน จ.ระยอง เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการ 542.70 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายไตรมาส 1/62, โครงการ เมาท์เท่น ใน จ.ชลบุรี เป็นทาวน์โฮม มูลค่าโครงการ 546.12 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายไตรมาส 3/62, โครงการ อรินสิริ แคมปัส ใน จ.ชลบุรี เป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 305.03 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายไตรมาส 3/62
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 58-60 ในปี 58 บริษัทมีรายได้รวม 2.71 ล้านบาท ปี 59 มีรายได้ 85.30 ล้านบาท และปี 60 มีรายได้ 391.65 ล้านบาท ขณะที่ในปี 58 บริษัทมีผลขาดทุน 14.37 ล้านบาท และปี 59 ขาดทุน 11.42 ล้านบาท แต่ในปี 60 พลิกมามีกำไร 37.90 ล้านบาท
ส่วนในงวด 9 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 274.14 ล้านบาท ต้นทุนขาย 183.07 ล้านบาท กำไร 20.05 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์รวม 884.32 ล้านบาท หนี้สินรวม 628.47 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 255.85 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 ก.ย.61 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 450 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น ถือหุ้น 171,950,000 หุ้น คิดเป็น 38.21% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 28.66% รองลงมาคือ นางสาววิมลจิต อรินทมะพงษ์ ถือหุ้น 130,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.89% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 21.67%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าอัตรา 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่น