บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 105 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.79% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ ทั้งการขยายสาขาร้าน Index LivingMall,ขยายสาขาคอมมูนิตี้มอลล์,ขยายสาขาเทคโนโลยี Younique, ขยายร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก รวมทั้งโครงการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน และโครงการอื่น อีกทั้งจะใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทประกอบธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ของบริษัทและแบรนด์อื่น ๆ ผ่านช่องทางหน้าร้านค้าปลีก งานโครงการ ตัวแทนจำหน่าย (Dealer) และออนไลน์ บริษัทยังให้สิทธิแฟรนไชส์กับผู้ประกอบการต่างประเทศเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทในประเทศนั้น ๆ และยังรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกอบธุรกิจให้เช่าและให้บริการพื้นที่เช่าภายใน Index Living Mall และรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้แบรนด์ The Walk และ Little Walk
บริษัทมีแผนขยายสาขาร้านค้า Index Living Mall เพิ่ม 2-3 สาขาต่อปี ซึ่งภายในเดือน ก.พ.62 จะเปิดร้าน Index Living Mall สาขาชัยพฤกษ์ พื้นที่ขาย 3,200 ตารางเมตร และส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าอื่น ๆ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 233 ล้านบาท และในปี 62 ขยาย 3 สาขา คือ สาขาจันทบุรี พื้นที่ขาย 3,500 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท เปิดบริการ ก.ค.62 สาขาสุขาภิบาล 3 พื้นที่ขาย 3,500 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท เปิดบริการ พ.ย.62 และสาขารามอินทรา พื้นที่ขายและพื้นที่ให้เช่า 9,200 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท เปิดบริการ ธ.ค.62
ในปี 62 บริษัทมีแผนเปิดโครงการ Little Walk อย่างต่อเนื่องอีก 1 สาขา ได้แก่ สาขาถนน 345 โดยอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบโครงการคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท เปิดบริการ ธ.ค.62 และจะขยาย Younique เพิ่มเติมในสาขาร้าน Index Living Mall ใช้เงินลงทุน 70 ล้านบาท เปิดให้บริการ ธ.ค.62
บริษัทมีแผนจะขยายร้านค้าในรูปแบบดำเนินการและบริหารด้วยบริษัทฯ เอง (Company Owned Company Operated - COCO) ในรูปแบบ Standalone พื้นที่ขาย 1,000-1,700 ตารางเมตร ภายใต้ชื่อร้าน "Winner Furniture Center"จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ WINNER ซึ่งเป็นสินค้าที่มุ่งเน้นในการตอบโจทย์ลูกค้าระดับ Mass เป็นหลัก อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบร้านและจัดหาพื้นที่ โดยในปี 62 คาดว่าจะสามารถเปิดร้านค้าดังกล่าว 5 สาขา ใช้เงินลงทุน 72 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทมีแผนขยายการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ที่ร้าน Index Living Mall อีกจำนวน 7 สาขาในปี 62 ได้แก่ 1) สาขารังสิต 2) สาขาภูเก็ต 3) สาขาอุดรธานี 4) สาขาหาดใหญ่ 5) สาขาเชียงใหม่ 6) สาขาพิษณุโลก และ 7) สาขาขอนแก่น โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 250 ล้านบาท
ส่วนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 223 ล้านบาทแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.61 และโครงการอื่น ๆ มีแผนการลงทุนในโครงการย่อย ๆ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 213 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการของปบริษัทในช่วงปี 58-60 บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายและรายได้จากการให้บริการ โดยในปี 58 และเท่ากับ 9,165.8 ล้านบาท ปี 59 เท่ากับ 9,362.3 ล้านบาท และปี 60 เท่ากับ 9,366.2 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิปี 58 อยู่ที่ 652.5 ล้านบาท ปี 59 อยู่ที่ 489.9 ล้านบาท และปี 60 อยู่ที่ 490.2 ล้านบาท
ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 60 มีรายได้รวม 6,913.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 428.3 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกปี 61 เท่ากับ 7,176.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 176.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.1% และ 2.4% ของรายได้รวม ตามลำดับ
วันที่ 31 ก.ย.61 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 12,123.8 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 7,803.6 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 4,320.2 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทมีสัญญาสนับสนุนทางการเงิน (Facility Agreement) กับธนาคารกรุงเทพ 3,372.4 ล้านบาท ใช้เงินกู้ดังกล่าวแล้ว 1,742.8 ล้านบาท
ก่อนการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว จำนวน 2,000,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ต่อมาที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 30 พ.ค.61 มีมติอนุมัติให้แปลงมูลค่าที่ตราไว้เป็นหุ้นละ 5.0 บาท ทำให้หุ้นสามัญของบริษัทเพิ่มเป็น 400,000,000 หุ้น และเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 525,000,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 105,000,000 หุ้นจัดสรรเสนอขาย IPO ส่งผลให้บริษัทมีทุนจดทะเบียน 2,525,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 505,000,000 หุ้น โดยเป็นทุนชำระแล้ว 2,000,000,000 บาท และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วไม่เกิน 2,525,000,000 บาท
รายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทมีกลุ่มครอบครัวปัทมสัตยาสนธิถือหุ้น 91.% หลัง IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 72.6% และกลุ่มครอบครัวอุดมมหันติสุขถือหุ้น 7.2% หลัง IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 5.7%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี