นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 18% มาเป็น 4.6-4.7 พันล้านบาท โดยจะมาจากรายการโฮมช้อปปิ้งที่ออกอากาศทางทีวีดิจิทัลช่อง 19 และช่องอื่นๆ ประมาณ 3.5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงรับรู้รายได้จากบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจทีวีดิจิทัลช่อง 19 หรือช่องสปริงนิวส์ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 90.1% ในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ในเครือ บมจ. นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต (License) ให้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ดิจิทัล ช่อง 19 จาก กสทช. ในปี 62 บริษัทจะเริ่มบันทึกงบการเงินของบริษัทดังกล่าวเข้ามา หลังจากที่ สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น สามารถชำระหนี้คงค้างได้ทั้งหมด คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้รับโอนหุ้นเป็นที่เรียบร้อย บริษัทจะมีแผนปรับผังรายการของช่อง 19 ใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงสัดส่วนการออกอากาศระหว่างรายการข่าวสารและสาระ กับการออกอากาศรายการขายและแนะนำสินค้า คิดเป็นสัดส่วน 50:50 ตามข้อกำหนดของ กสทช.
ขณะเดียวกันก็มีความสนใจนำรายการที่น่าสนใจของ Money Channel มาออกอากาศผ่านช่อง 19 เช่น รายการ มันนี่ ทอล์ค เป็นต้น ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตรายการเพิ่มเติมอีก 5 รายการ อีกทั้งยังมีแผนเปลี่ยนชื่อช่องสถานีใหม่ด้วย โดยเบื้องต้นคาดจะใช่ชื่อช่องเป็น TVD 19 แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสรุปรายละเอียดได้ทั้งหมดในช่วงต้นปี 62
ส่วนการขายสินค้าผ่านออนไลน์ในปีหน้า บริษัทยังมุ่งเน้นขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง โดยตั้งเป้าเพิ่มสินค้าอีกกว่า 3,000 รายการ และจะเพิ่มสินค้าที่เป็นสินค้าฝากขาย (consignment) เนื่องจากมองเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้ดีกว่า และไม่มีสต๊อกคงค้างเหมือนสินที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง (house brand) ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ก็เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากปัจจุบันเริ่มเห็นกำไรเข้ามาแล้วบางส่วน คาดว่าในปี 62 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ทั้งหมด
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทวางงบลงทุนในปี 62 ไว้ที่ 120 ล้านบาท โดยจะใช้ในการพัฒนาระบบไอทีประมาณ 60 ล้านบาท และลงทุนปรับปรุงสตูดิโอของช่องสปริงนิวส์ 19 อีกประมาณ 40 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะลงทุนในส่วนอื่นๆ ทั่วไปในบริษัทย่อย โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการผ่านทางบริษัท เมจิก พีวอท ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เนื่องจากสนใจธุรกิจที่สามารถทำรายได้ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มการการเติบโตที่ดี เบื้องต้นคาดได้ข้อสรุป 1 รายในปี 62