นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ แต่ก็มีลุ้นรีบาวด์หลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวลงไปพอควร และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่บวกเล็กน้อยในลักษณะเทคนิคเคิลรีบาวด์ เนื่องจากปัจจัยนอกประเทศยังกดดัน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังมีความไม่แน่นอน อีกทั้งยังมีการจับกุมผู้บริหารของบริษัท หัวเว่ย อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจจะโตชะลอ เห็นได้จากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คิดไว้ ซึ่งหากเศรษฐกิจสหรัฐฯโตชะลอจะกระทบการค้าของโลกทั้งหมด โดยตอนนี้สังเกตจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ระยะยาวไหลลงเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลลบต่อตลาดฯ เพราะแสดงถึงเศรษฐกิจชะลอตัว
ในส่วนของราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวลงอยู่ แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเห็นพ้องลดกำลังการผลิตแต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมา ซึ่งเป็นผลลบต่อผู้ผลิตน้ำมัน แสดงให้เห็นว่า Demand อ่อน
ส่วนปัจจัยในประเทศยังเป็นบวกเล็กน้อย ซึ่งปัจจัยการเมืองแม้จะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่แค่กำหนดวันเลือกตั้งได้คนก็พอใจระดับหนึ่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ตลาดยืนได้ ไม่ปรับตัวลงแรง
พร้อมให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้ โดยให้แนวรับ 1,645 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,947.67 จุด ลดลง 79.40 จุด (-0.32%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,695.95 จุด ลดลง 4.11 จุด (-0.15%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,188.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด (+0.42%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 142.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 93.43 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 33.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.99 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 5.37 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.97 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ธ.ค.61) 1,653.73 จุด ลดลง 18.59 จุด (-1.11%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 818.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ธ.ค.61) ปิดที่ 51.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.40 ดอลลาร์ (-2.7%)
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ธ.ค.61) ที่ 2.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.83 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนนี้
- อนุกรรมการฯ เรียกคืน คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ รับข้อเสนอทีวีดิจิทัล จ่ายค่าตอบแทนเรียกคืนคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์มาประมูล 5 จี ขณะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ เสนอชดเชยค่าใช้จ่ายปรับเปลี่ยนเทคนิคตามแผนคลื่นความถี่ใหม่-ชดใช้ค่าเสียโอกาส "นที" เผยเร่งประมูลเร็วสุดกลางปีหน้า หวังทันใช้ปี 2563 ด้าน "สุภาพ" ชี้ช่วยปลดล็อกค่าใบอนุญาต-โครงข่าย ต่อลมหายใจทีวีดิจิทัล
- แหล่งข่าวจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า สมาชิก 15 ชาติของโอเปกเห็นพ้องกันในหลักการเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่โอเปกจะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดดังกล่าว จนกว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันโลกร่วง 5% หวั่นที่ประชุมโอเปกลดการผลิตได้ไม่ถึงเป้า กดซัพพลายโลกไม่ลง
- ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย.วูบ ทุกตัว ชี้เหตุเศรษฐกิจแย่ คนกลับมาเป็นหนี้นอกระบบเพิ่ม 'อนุสรณ์' คาดเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งโต 4% แต่ถ้าเกิดเหตุรุนแรงหดเหลือ 2% คมนาคมชงใช้มอเตอร์เวย์ฟรีช่วงปีใหม่
- กระทรวงพลังงานเร่งประชาพิจารณาร่างพีดีพีฉบับใหม่ให้เสร็จเพื่อนำเสนอ กพช.ในเดือนธันวาคมนี้ หากมีประชุมหรือช้าสุด ม.ค.62 ยันค่าไฟฟ้าจะไม่สูงไปกว่าแผนเดิม กางกำลังผลิตใหม่พุ่งกว่า 5 พันเมกะวัตต์ โซลาร์ภาคประชาชนผุดหมื่นเมกะวัตต์ จับตาภาคใต้วางถ่านหินให้ กฟผ.และ IPP แข่ง 1,000 เมกะวัตต์แต่ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการศึกษา SEA จะสรุปว่ามีหรือไม่ สร.กฟผ.จี้ดูความมั่นคงเหตุยังพึ่งพิงก๊าซฯมากไป
- "นายกฯ" เปิดทดลองเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยาย ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 9 สถานีฟรี โดยต้องเปลี่ยนขบวนรถที่สำโรงก่อนเข้าเมือง ยันหาทางให้ผู้มีรายได้น้อยใช้รถไฟฟ้าได้ ด้าน "คีรี" รอ กทม.เจรจาเงื่อนไข คุมราคา 65 บาท รวมสัมปทานสายสีเขียวตลอดสาย
*หุ้นเด่นวันนี้
- TASCO (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด Consensus 18 บาท เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนในการผลิตยางมะตอยลดลงตามไปด้วย ส่งผลบวกต่อมาร์จิ้นและกำไรของ TASCO ให้กลับมาฟื้นตัว
- CPALL (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 82 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561-2563 ที่ -2.2 ถึง +1.6% เพื่อสะท้อนกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่แข็งแกร่งและการปรับประมาณการกำไรสุทธิของ MAKRO คาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL จะเติบโตขึ้น 4.2-14.3% ในปี 2561-2563 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ช่วง 3 ปีที่ 10% แม้คาดว่าผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่จะบรรเทาลงในไตรมาส 4/2561 แต่คาดอัตราเติบโตเฉลี่ยของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเชิง QTD ของ CPALL จะยังอยู่ในแนวบวกหนุนจากการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของแคมเปญแสตมป์
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 210 บาท ราคาหุ้นปรับลง 9% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยลบด้านผลประกอบการ Q3/61 ที่ชะลอ และแนวโน้มการแข่งขันที่ยังสูงไปมากแล้ว ขณะที่ Dividend Yield ขยับขึ้นมาอยู่ที่ราว 4-4.2% น่าจะช่วยจำกัด Downside ในช่วงนี้ได้ ด้าน กสทช.จะเร่งผลักดัน 5G และจะ Set Zero การประเมินมูลค่าคลื่นเพื่อให้สะท้อนความเหมาะสมของอุตสาหกรรม รวมถึงจะจัดประมูลคลื่น 700 MHz ล่วงหน้าในปี 2562 ถือเป็นบวกต่อ Mobile Operators โดยรวม