นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) ในเดือนพฤศจิกายน 2561 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 3,945.2 ล้านบาท/วัน ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย DW ต่อหลักทรัพย์ทั้งระบบอยู่ที่ 9.7% สูงสุดนับตั้งแต่มีการเสนอขาย DW ในประเทศไทย สะท้อนตลาด DW ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดย Put DW มีสัดส่วนการซื้อขายสูงสุดในรอบ 5 เดือน สอดคล้องกับทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 27.29 จุด หรือ 1.64% "นักลงทุนเริ่มเก็งกำไรตลาดขาลงได้ดีขึ้นเห็นได้จากสัดส่วน Put DW ที่ซื้อขายสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย DW อ้างอิง SET50 Index ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดด้วยสัดส่วนมูลค่าซื้อขาย 59.4% ของมูลค่าซื้อขาย DW ทั้งระบบ ซึ่งแรงเก็งกำไรมาจาก DW ประเภท Put เป็นสัดส่วนสูงถึง 64.3% ของมูลค่าซื้อขาย DW อ้างอิง SET50 Index ทั้งหมด ตามทิศทางตลาดที่ปรับตัวลดลง"นายบรรณรงค์ กล่าว
สำหรับ DW ที่ได้รับความสนใจอันดับ 2 และ อันดับ 3 ยังคงเป็น DW ที่อ้างอิงกับหุ้นรายตัว ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และบมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) นับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ DW อ้างอิงหุ้นดังกล่าว หลังจากราคาหุ้น PTTEP และ BEAUTY ปรับตัวพร้อมความผันผวนที่สูงขึ้น โดย DW อ้างอิงหุ้น PTTEP มีสัดส่วนการซื้อขาย 2.8% ในขณะที่ DW อ้างอิงหุ้น BEAUTY มีสัดส่วนการซื้อขาย 2.7%
ขณะเดียวกันจำนวน DW ที่มีการเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนพ.ย.61 มีทั้งสิ้น 1,574 รุ่น สูงสุดในรอบประวัติการณ์ แบ่งเป็น Call DW 1,346 รุ่นและ Put DW 228 รุ่น เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือน ต.ค. 61 ที่มีจำนวน 1,512 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 1,301 รุ่นและ Put DW 211 รุ่น โดยจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงที่มีการเสนอขาย ณ สิ้นเดือน พ.ย. 61 มีทั้งสิ้น 113 ตัว ลดลงเล็กน้อยจากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
"หลักทรัพย์บัวหลวงยังครองความเป็นผู้นำในการออก DW สูงสุดในอุตสาหกรรมจำนวน 310 รุ่นคิดเป็น 19.70% ของจำนวน DW ที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นผู้ออก Put DW มากถึง 100 รุ่น เมื่อเทียบในอุตสาหกรรมระบบที่มี Put DW เสนอขายทั้งหมด 228 รุ่น รวมทั้งมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกคิดเป็น 73.45% ของทั้งหมดในอุตสาหกรรม DW และยังครองส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในเดือนพ.ย.61 อยู่ที่ 41.0% สะท้อนความนิยมในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในส่วน DW อ้างอิงหุ้นรายตัว ซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมจากนักลงทุนรายย่อย หลักทรัพย์บัวหลวงมีส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมสูงถึง 53.4%"
นายบรรณรงค์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในช่วงเดือนธ.ค.ซึ่งจะมีวันหยุดปีใหม่ยาว 4 วัน ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับค่าเสื่อมเวลาของ DW ในช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นต้นทุนในการลงทุน ซึ่งปัจจุบัน DW ในอุตสาหกรรมจะมีทั้งแบบ "คิด" และ "ไม่คิด" ค่าเสื่อมเวลาในช่วงวันหยุด ดังนั้น จึงแนะนำให้ตรวจสอบเงื่อนไขกับผู้ออก DW แต่ละรายก่อนการลงทุนทุกครั้ง โดยเฉพาะหากมีแผนหรือมีโอกาสที่จะถือ DW ข้ามวันหยุดยาว เพราะถือเป็นต้นทุนที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่เทรด DW01 ของหลักทรัพย์บัวหลวงไม่จำเป็นต้องรีบขายออกหากกังวลค่าเสื่อมเวลาในช่วงวันหยุด เพราะ DW01 ทุกรุ่นจะไม่คิดค่าเสื่อมเวลาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งหลักทรัพย์บัวหลวงจะคิดค่าเสื่อมเวลาเฉพาะวันทำการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดซื้อขายเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ DW01 ทุกรุ่นถูกคิดค่าเสื่อมเวลาเฉพาะวันที่นักลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการเทรด DW และช่วยลดปัจจัยในการตัดสินใจถือครอง DW ข้ามวันหยุดยาวโดยไม่ต้องกังวลกับค่าเสื่อมเวลาในวันหยุดดังกล่าว
"ในช่วงเวลานี้ของทุกปีที่มีวันหยุดยาว มักพบนักลงทุนมีความกังวลกับค่าเสื่อมเวลาและส่วนหนึ่งรีบขาย DW ออกไปก่อนช่วงหยุดยาว เพื่อหลีกเลี่ยงค่าเสื่อมเวลาในช่วงวันหยุด ดังนั้นนักลงทุนควรตรวจสอบเงื่อนไขกับผู้ออกก่อน หากผู้ออกไม่คิดค่าเสื่อมเวลาช่วงวันหยุด นักลงทุนก็สามารถถือ DW ต่อได้โดยไม่ต้องรีบขายก่อนหยุดยาว"นายบรรณรงค์ กล่าว