ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,657.42 จุด เพิ่มขึ้น 3.69 จุด (+0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 14,769.18 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,659.45 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,652.65 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกเฉลี่ยราว 0.3-0.4% หลังจากที่ตลาดฯได้รับรู้ปัจจัยลบจากนอกประเทศไปในระดับหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ ขณะนี้ทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปในการลดกำลังการผลิตจะเป็นจำนวนเท่าไร โดยรอความเห็นจากทางรัสเซียก่อนว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันเท่าไร ซึ่งจะมีการประชุมเพิ่มเติมในวันนี้ โดยขณะนี้คาดการณ์จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันประมาณ 1-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งนักลงทุนก็ยังไม่พอใจเพราะลดกำลังการผลิตน้อยไป
นอกจากนี้ในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้ในจำนวนครั้งที่น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยปีหน้าตลาดฯคาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง ก็อาจจะเหลือ 2 ครั้งก็ได้ พร้อมให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีปัจจัยบวกจากการเมืองในประเทศที่มีความคืบหน้า โดยวันนี้จะมีการประชุมพรรคการเมือง ซึ่งคงจะพูดคุยกันในเรื่องของกิจกรรมทางการเมือง เป็นความหวังของนักลงทุนที่จะเห็นความคืบหน้าการเลือกตั้งในทางที่ดีขึ้น
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ จากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรในประเด็นการเลือกตั้งที่มีความคาดหวังจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้น
พร้อมให้แนวรับ 1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,670 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,516.87 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท ลดลง 0.25 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,380.01 ล้านบาท ปิดที่ 9.25 บาท ลดลง 0.10 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 748.81 ล้านบาท ปิดที่ 138.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBL มูลค่าการซื้อขาย 626.81 ล้านบาท ปิดที่ 207.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 603.53 ล้านบาท ปิดที่ 192.50 บาท ลดลง 1.00 บาท