นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,641.80 จุด ลดลง 1.6% จากสิ้นเดือนก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงค่อนข้างรุนแรงในเดือนนี้ ประกอบกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก
อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งโดยการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศยังคงเติบโตในไตรมาส 3/2561 ส่งผลให้เมื่อเปรียบเทียบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 กับสิ้นปี 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลง 6.4% น้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย โดยกลุ่มทรัพยากร และกลุ่มธุรกิจการเงินให้ผลตอบแทนมากกว่า SET index โดยในเดือนพฤศจิกายน 2561 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 13,881 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนพฤศจิกายน 2561 ของ SET และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 41,585 ล้านบาท ลดลง 29.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับตลาดส่วนใหญ่ในอาเซียนที่มูลค่าซื้อขายลดลงเช่นกัน
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ระดับ 15.23 เท่า ขณะที่ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 15.55 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.59 เท่า และ 14.47 เท่าตามลำดับ ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ระดับ 3.18% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 3.01%
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 16.8 ล้านล้านบาท ลดลง 5.0% จากสิ้นปี 2560 ตามทิศทางดัชนี
ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 279,146 สัญญา ซึ่งลดลง 26.5% จากเดือนก่อน โดยทุกตราสารอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายลดลงจากเดือนก่อน