นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่าในปี 62 ตั้งเป้ารายได้รวมทั้งกลุ่มเติบโตก้าวกระโดดและยั่งยืนแตะ 5,000 ล้านบาท พุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 37 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จากแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 62 เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายทั้งจากในประเทศและต่างประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ อุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกฟื้นตัว การลงทุนในภาคอุปโภคบริโภคเข้ามาช่วยกระตุ้นเสริม รวมไปถึงการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) ของภาครัฐช่วยดันเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง สอดคล้องกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจหลายสำนักในประเทศที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 4%
สำหรับกลุ่มธุรกิจ RS ในปี 62 ได้วางเป้าหมายก้าวสู่ยุคใหม่ของการดำเนินธุรกิจใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ชูแนวคิด Horizontal Integration สร้างการเติบโตแนวราบ เพื่อเปิดโอกาสตัวเองทำธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ยิ่งกว่านั้นได้กำหนดยุทธศาสตร์การทำงานแบบ Diversification กระจายธุรกิจสร้างความหลากหลายและแตกต่างจากธุรกิจเดิม มีการนำความแข็งแกร่งของบิสิเนสโมเดลธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (Multi-platform Commerce หรือ MPC) มาซีเนอจี้กับธุรกิจสื่อ (Media) และธุรกิจเพลง (Music) เข้าด้วยกันแบบมีประสิทธิภาพมาก มุ่งเน้นเจาะกลุ่มคนดูและแฟนเพลงเปลี่ยนเป็นฐานลูกค้า (Database) ถือเป็นระบบจัดการแบบไร้กรอบที่จะนำมาสู่ผลลัพธ์สูงสุด
นอกจากนี้ ได้ต่อยอดความสำเร็จจากการบริหารจัดการฐานลูกค้า (Database) ที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านรายในปัจจุบัน มุ่งสู่การสร้างธุรกิจ "ไลฟ์สตาร์ บิส (LIFESTAR BIZ)" ที่จะมาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจไฮไลท์ตัวใหม่ของกลุ่ม RS
"เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจใหม่จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะบริษัทฯ มีความพร้อมในการสนับสนุนส่งเสริมการขายให้กับนักธุรกิจ Lifestar BIZ เพื่อสร้างยอดขายให้บรรลุเป้าที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านโปรดักส์ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพและความงาม ผลิตโดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับนานาชาติ เพราะร่วมมือกับสถาบันวิจัยระดับโลก, ทางด้านโฆษณาเนื่องจากเป็นเจ้าของสื่ออย่างช่อง 8 ดิจิตอลทีวีอันดับต้นเมืองไทยและทีวีดาวเทียมในเครือ รวมไปถึงสถานีเพลงอันดับ 1 ของประเทศ ทำให้สามารถประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ"
นายสุรชัย คาดว่าหลังยื่นงบการเงินปีนี้ในช่วงเดือนก.พ.62 ให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีการพิจารณาการย้ายหมวดธุรกิจตามกฎระเบียบเป็นหมวดค้าปลีก จากเดิมอยู่ที่อยู่ในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หลังคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก (MPC) จะเพิ่มเป็นระดับ 60% จากในปีนี้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก MPC ราว 55% และมีอัตรากำไรขั้นต้น 70%
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าเมื่อธุรกิจ MPC มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ขึ้น มีโอกาสที่จะสร้างโรงงานเองโดยอยู่ระหว่างการวางแผนงาน จากปัจจุบันบริษัทมีการจ้างบริษัทอื่นเพื่อรับผลิตสินค้าให้ (OEM) ทั้งหมด อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่ารูปแบบการลงทุนเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 62 โดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะมีการสร้างโรงงานเพื่อผลิตเป็นสินค้าที่อยู่ในพอร์ต MPC ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Magique) กลุ่มอาหารเสริม (S.O.M) และกลุ่มดูแลผม (Revive)
ปัจจุบันมีผู้รับชมช่อง 8 กว่า 13 ล้านรายต่อวัน หรือเฉลี่ยราว 3.7-4 แสนราย/นาที ซึ่งมีฐานลูกค้าซื้อสินค้า (databse) กว่า 1.1 ล้านราย และมีลูกค้าที่มีการซื้อสินค้ามากกว่า 1 ครั้ง/ปี (active) ราว 60-70% หรือราว 7 แสนรายต่อปี และมียอดใช้จ่ายต่อการซื้อขายครั้งละราว 2 พันบาท
โดยบริษัทตั้งเป้าฐานลูกค้าสิ้นปี 62 แตะที่ระดับ 1.5 ล้านราย จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าราว 1.1 ล้านราย โดยที่ผ่านมามีอัตราการเพิ่มขึ้นของลูกค้ากว่า 2.5-3.5 หมื่นรายต่อเดือน โดยบริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ (telesales) อย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของฐานลูกค้า จากปัจจุบันมีจำนวน 500 คน อีกทั้งบริษัทจะมีการเรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนาพนักงานผ่านการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจขายตรงให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายปี 62 ขยายจำนวนตัวแทนจำหน่ายสินค้าอีก 1.5 พันราย จากปัจจุบันมี 500 ราย ซึ่งมีตัวแทนที่ active ราว 20% อีกทั้งบริษัทจะเน้นให้มีการ active จากตัวแทนมากขึ้นโดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงเดือนม.ค.62
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายการเติบโตในธุรกิจดังกล่าวจำนวนหลายราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในปี 62 ทั้งนี้คาดว่าการลงทุนขยายธุรกิจดังกล่าวเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการ ในธุรกิจที่โอกาสทั้งเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมหรืออาจเป็นธุรกิจใหม่ อย่างไรก็ดี บริษัทมีความพร้อมในการเข้าลงทุนเนื่องจากปัจจุบันมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ส่วนกรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีการออกมาตรการเยียวยาธุรกิจทีวีดิจิทัลนั้น นายสุรชัย มองว่าจะส่งผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ เช่น การลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าการแข่งขันในธุรกิจทีวีดิจิทัลในปีหน้าจะยังคงรุนแรงใกล้เคียงกับปีนี้
"ปี 62 RS จะมีการทำธุรกิจเชิงรุกบนความรอบคอบและความมั่นใจ โครงสร้างธุรกิจจะมีการพึ่งพาคนอื่นน้อยลงโดยการ synergy ธุรกิจในกลุ่มเพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนของธุรกิจ..ปีนี้คาดว่ากำไรจะทำ all time high ส่วนปี 62 กำไรและรายได้จะทำ new high" นายสุรชัย กล่าว