สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (3 - 7 ธันวาคม 2561) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 382,961.78 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 95,740.45 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 8% ทั้งนี้เมื่อแยกตาม ประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 74% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 285,181 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการ ซื้อขายเท่ากับ 75,887 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,256 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขาย ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB386A (อายุ 19.5 ปี) LB23DA (อายุ 5.0 ปี) และ LB326A (อายุ 13.6 ปี) โดยมี มูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,807 ล้านบาท 10,373 ล้านบาท และ 9,526 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด รุ่น MPSC19OA (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 990 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) รุ่น SCC224A (A+(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 600 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รุ่น BTSC19NA (A) มูลค่าการซื้อขาย 517 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง 2-7 bps. ในตราสารระยะยาว ตามการปรับลดลงของ US Treasury โดย yield อายุ 10 ปี อยู่ระดับต่ำกว่า 3% และ ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ยังเกิดภาวะ Inverted Yield Curve โดยตราสารอายุ 2 ปี มี Yield สูงกว่าตราสารอายุ 5 ปี ส่งผลถึงมุมมองเศรษฐกิจที่อาจเกิดภาวะถดถอย นอกจากนี้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ด้านปัจจัยต่างประเทศ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) โดยระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้ขยายตัว ในระดับพอประมาณหรือปานกลาง ระหว่างช่วงกลางเดือน ต.ค. ไปจนถึงปลายเดือน พ.ย. ขณะที่ประเด็นมาตรการภาษีนำเข้านั้นเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ผลิตในสหรัฐฯ ยังคงวิตกกังวล อย่างไร ก็ตาม ด้านการจัดเก็บภาษีนำเข้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ประธานาธิบดีของทั้งสองประเทศมีความเห็นพ้องกันให้เลื่อนกำหนดระยะเวลาที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ออกไป 90 วัน จากกำหนดเวลาเดิมในวันที่ 1 ม.ค. 2562 ทั้งนี้ตลาดติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า
สัปดาห์ที่ผ่านมา (3 ธ.ค. – 7 ธ.ค. 2561) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 977 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 501 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) 11,882 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ(Expired) 10,404 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (3 - 7 ธ.ค. 61) (26 - 30 พ.ย. 61) (%) (1 ม.ค. - 7 ธ.ค. 61) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 382,961.78 354,370.48 8.07% 18,350,905.38 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 95,740.45 70,874.10 35.09% 79,441.15 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 106.15 105.7 0.43% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 104.02 103.95 0.07% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (7 ธ.ค. 61) 1.28 1.58 1.73 1.94 2.25 2.62 3.01 3.31 สัปดาห์ก่อนหน้า (30 พ.ย. 61) 1.29 1.59 1.71 2.01 2.32 2.7 3.07 3.33 เปลี่ยนแปลง (basis point) -1 -1 2 -7 -7 -8 -6 -2