บล.เออีซี (AEC) ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,622-1,707 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในประเทศช่วงเดือน ก.พ.62 บวกกับข้อมูลผลตอบแทนจาก SET Index ของเดือน ธ.ค. ในช่วง 10 ปีย้อนหลังพบว่า 7 ใน 10 ปี SET Index มีการปรับตัวขึ้นราว 5% ซึ่งคาดว่านักลงทุนสถาบันจะซื้อสุทธิ ด้วยเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังคงให้ติดตามกรณีการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ทางการประกาศออกมา สะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในส่วนของดัชนีผู้ผลิต และดัชนีผู้บริโภคเดือน พ.ย. ที่ชะลอตัว รวมทั้งตัวเลขส่งออกที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าที่ตลาดคาด
อีกทั้งเรื่องความตึงเครียด ระหว่างสหรัฐฯ และจีน จากกรณีการจับกุมนางเมิ่ง ว่านโจว ลูกสาวประธานบริษัท Huawei ซึ่งอาจจะส่งผลต่อไปถึงการเจรจา ด้านการค้า ให้เป็นไปอย่างยากมากขึ้น เนื่องจาก Huawei ถือเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และมีส่วนสำคัญต่อนโยบาย Made in china 2020 ที่เป็นนโยบายพพัฒนาประเทศที่สำคัญของจีน
ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศเตรียมเปิดลงคะแนนเสียงเพื่อยอมรับร่าง Brexit ในช่วงที่การเมืองภายในไม่นิ่ง โดยหากร่าง Brexit ดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากสภาฯ จะทำให้อังกฤษอาจจะต้องออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) แบบไร้ข้อตกลง (Hard BREXIT) ที่จะสร้างความเสียหายให้กับทั้งเศรษฐกิจอังกฤษ และ EU
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ จึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง โดยเฉพาะการลงทุนหุ้นที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างประเทศ แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index จึงแนะนำหุ้น Overweight ในหุ้น Domestic Play 3 กลุ่มหลักในการลงทุนในปลายปีนี้ และต้นปีหน้า ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการต่าง ๆ จากภาครัฐ บวกกับคาดผลการดำเนินงานเติบโต ในปีนี้ ได้แก่ 1. กลุ่ม Out of Home Media ได้แก่ PLANB, VGI และ MACO 2. กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ ROBINS, CPN และ COL 3. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ CK, STEC, UNIQ และ SEAFCO