(เพิ่มเติม) KTIS มั่นใจรายได้งวดปี 61/62 โตกว่าปีก่อน จากปริมาณขายน้ำตาล-ราคาขายสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ในงวดปี 61/62 (1 ต.ค. 61-30 ก.ย. 62) จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปีก่อนที่สิ้นสุดก.ย.61 ซึ่งมีรายได้รวม 18,067.1 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนมาจากปริมาณขายน้ำตาลที่มีแนวโน้มดีขึ้นตามปริมาณการผลิตน้ำตาลที่บริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตน้ำตาลได้ในปีนี้ 9-10 ล้านกระสอบน้ำตาล และขายได้ทั้งหมด หรือมีปริมาณการขายอยู่ที่ 0.9-1 ล้านตัน จากปริมาณอ้อยเข้าหีบในงวดปี 61/62 ที่ 10.2 ล้านตันอ้อย

โดยการขายน้ำตาลของบริษัทได้ทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าไปแล้วสำหรับการขายน้ำตาลในประเทศ 30-40% ส่วนตลาดส่งออกได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าไปแล้ว 70-80% ซึ่งได้มีการล็อกราคาขายไว้แล้ว ทำให้บริษัทมีรายได้ที่แน่นอนเข้ามา ประกอบกับในงวดปี 61/62 บริษัทจะหันมาเน้นการขายน้ำตาลทรายขาวมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนการขายน้ำตาลทรายขาวขึ้นเป็น 60-65% ของปริมาณการขายทั้งหมด จากปกติสัดส่วนการขายระหว่างน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่ 50:50 โดยการขายน้ำตาลทรายขาวเพิ่มขึ้นเพราะบริษัทเล็งเห็นถึงราคาขายที่สูงกว่า และมีลูกค้าต้องการใช้มากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนการขยาย และหนุนต่อรายได้ของบริษัท

ขณะเดียวกันราคาขายน้ำตาลในงวดปี 61/62 ยังมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ซึ่งคาดว่าในงวดปี 61/62 ราคาขายน้ำตาลจะอยู่ที่ 12-14 เซ็นต์/ปอนด์ จากงวดปีก่อน ที่ 13 เซ็นต์/ปอนด์ เพราะแนวโน้มของปริมาณการผลิตน้ำตาลมีแนวโน้มลดลง หลังจากที่บราซิลที่เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกเกิดปัญหาความแห้งแล้ง ทำให้ผู้ผลิตน้ำตาลหันไปผลิตเอทานอลแทน ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำตาลของโลกลดลงจากในช่วงปี 60 และเข้าสู่จุดสมดุลกับความต้องการบริโภคน้ำตาลของโลก จึงทำให้ราคาน้ำตาลในงวดปี 61/62 ปรับเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังมีปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในงวดปี 61/62 ที่เติบโตขึ้นมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทคาดว่าในงวดปี 61/62 จะมีกำไรจากการขายไฟฟ้าเข้ามาราว 1.2-1.3 พันล้านบาท พร้อมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโรงงานผลิตเอทานอลร่วมกับบมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) มูลค่า 6.5 พันล้านบาท ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อร้างโครงการลงทุนดังกล่าวได้ในช่วงปลายปี 62 หรือต้นปี 63

พร้อมกันนี้บริษัทและ GGC จะร่วมเดินหน้าพัฒนาโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ในจังหวัดนครสวรรค์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนในเฟสที่ 2 ไปพร้อมกัน และคาดว่าจะมีการดึงพันธมิตรต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างชาติ

ด้านนายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทได้เปลี่ยนรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ (1 ตุลาคม ถึง 30 กันยายน) ผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 (9 เดือน) มีรายได้รวม 18,067.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 629.3 ล้านบาท

โดยสายธุรกิจที่มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ปี 2561 (9 เดือน) ซึ่งมีรายได้ 1,131.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.8% เมื่อเทียบกับรายได้ปี 2560 (12 เดือน) เนื่องจากปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นทำให้มีชานอ้อยซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถขายไฟฟ้าได้มากขึ้น 87.7% อีกทั้งราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วยก็เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับรายได้ (9 เดือน) จากสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อยมีจำนวน 1,216.6 ล้านบาท สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีรายได้ 1,313.4 ล้านบาท ส่วนสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย มีรายได้ 13,056.9ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ของสายธุรกิจต่างๆ เมื่อเทียบกับรายได้รวม ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2561 (30 กันยายน 2561) ปรากฏว่า สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย มีสัดส่วน 75.4% ในขณะที่สายธุรกิจชีวภาพมีสัดส่วน 24.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 22.9%

นายประพันธ์ กล่าวว่า กลุ่ม KTIS ได้วางรากฐานในการลดความเสี่ยงของการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ด้วยการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ตามแนวนโยบาย KTIS - More Than Sugar ทำให้ช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำตาลทรายที่ผันผวนได้มาก ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม KTIS ที่มีจุดเด่นในการจัดหาอ้อย ยังคงเป็นจุดแข็งที่จะทำให้กลุ่ม KTIS สามารถนำอ้อยไปเป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างมูลค่าเพิ่มในสายอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ได้อีกมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ