นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวในงาน "เสวนานุกรมความรู้ ครั้งที่ 9 หัวข้อ "The Belt and Road Initiative amidst a Global Trade War : Progress and Challenges"ว่า ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นปัจจัยที่ทุกคนต้องติดตามและให้ความสำคัญ เพื่อเตรียมความพร้อมกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งแต่ละธุรกิจต้องมีนโยบายต่าง ๆ เพื่อรองรับต่อความเสี่ยง ซึ่งผลกระทบจากสงครามการค้าอาจจะมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจได้ และเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องระมัดระวัง แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ภาคธุรกิจยังคงมีแนวโน้มที่ดี การค้าขายต่าง ๆ ยังมีกิจกรรมการค้าที่โตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนโยบายการลงทุนของภาครัฐที่วางไว้ในช่วง 3-5 ปี เป็นการช่วยปูพื้นฐานให้กับประเทศไทยและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และช่วยดึงดูดความน่าสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามา
ขณะที่จีนยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันจะเผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้า แต่ยังเห็นนักลงทุนจากจีนที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ถือว่าเป็นประเทศที่นักลงทุนชาวจีนต้องการเข้ามาขยายการลงทุน ซึ่งการขยายการลงทุนของจีนในต่างประเทศมาจากการสนับสนุนของรัฐบาลที่ผลักดันการขยายการเติบโตของธุรกิจจีน ทำให้นักลงทุนชาวจีนกล้าที่จะออกมาลงทุนมากขึ้น โดยที่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งประเทศที่ได้รับประโยชน์ในการลงทุน ซึ่งภาครัฐของไทยก็ยังได้สนับสนุนการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และยังมีนโยบายการลงทุนต่าง ๆ ที่เริ่มเดินหน้ามากขึ้น ซึ่งสร้างความน่าสนใจและเป็นโอกาสให้กกับนักลงทุนชาวจีนเข้ามาขยายการลงทุนในไทย
"สัญญาณการลงทุนของจีนยังดีต่อเนื่อง และมีเป็นระยะ ๆ ของการขยายการลงทุน ประเทศไทยก็ได้รับประโยชน์ เพราะไทยมี Position ที่ดี และรัฐบาลเดินหน้าการสนับสนุนและการผลักดันโครงการต่าง ๆ ออกมา ทำให้มีนักลงทุนชาวจีนมาลงทุนในไทยมาก"นายชาติศิริ กล่าว
นายชาติศิริ กล่าวว่า สำหรับธนาคารกรุงเทพนั้นได้รับประโยชน์จากการที่มีนักลงทุนจีนเข้ามาในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งธนาคารมีการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนและการค้าขายต่าง ๆ ทั้งนักลงทุนไทยที่ทำธุรกิจในประเทศและขยายไปต่างประเทศ รวมถึงนักธุรกิจจากจีนที่เข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยที่ธนาคารจะเน้นให้ภาคธุรกิจไทยมีนโยบายการขยายการลงทุนแบบ Globalization และ Regionalization เช่นเดียวกับนักลงทุนชาวจีน เพื่อขยายการลงทุนไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และเน้นหนักในภูมิภาค เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และขยายการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งการขยายของธนาคารกรุงเทพในปัจจุบันยังคงเน้นการขยายในภูมิภาคเป็นหลัก เพื่อรองรับลูกค้าที่มีการขยายการลงทุนไปในประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในภูมิภาค
พร้อมกันนี้ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งในปี 62 จะมีการลงทุนด้านดิจิทัลมากขึ้นกว่าปีนี้ เพื่อเป็นการปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการทางการเงินกับลูกค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้มีผลิตภัณฑ์การบริหารต่าง ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสนอให้กับลูกค้า ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี