โบรกฯเชียร์"ซื้อ"EGCO มองเชิงบวกจะเข้าซื้อโรงไฟฟ้า Paju ในเกาหลีใต้หนุนกำไรเพิ่มปี 62 ,ราคาหุ้นเพิ่ม 9-15 บ./หุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 13, 2018 15:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) หลังมองการจะเข้าซื้อหุ้น 49% ในบริษัท Paju Energy Service Co.,Ltd. (Paju ES) เจ้าของโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิตรวม 1,823 เมกะวัตต์ (MW) ในเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท SK E&S Co.,Ltd. (SK E&S) จะช่วยเพิ่มกำไรของ EGCO ในปี 62 ตั้งแต่ช่วง 0.9-1.7 พันล้านบาท และหนุนราคาหุ้นเพิ่มขึ้นในช่วง 9-15 บาท/หุ้น เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับ EGCO จากความเชี่ยวชาญของ SK E&S ในธุรกิจ LNG ครบวงจร

ขณะที่ยังลุ้นแผน PDP ฉบับใหม่ของไทยที่เตรียมจะประกาศออกมาในเร็ววันนี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะอิงกับความต้องการใช้ไฟฟ้า และปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ในรายภาค ก็ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งใหม่ได้ในภาคใต้ ซึ่ง EGCO มีพื้นที่พร้อมรองรับขยายการลงทุนดังกล่าว

เมื่อเวลา 15.16 น. ราคาหุ้น EGCO อยู่ที่ 244.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+0.41%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย 1,633.53 จุด ลดลง 1.35 จุด (-0.08%)

          โบรกเกอร์                      คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เคจีไอ (ประเทศไทย)            Outperform                   280
          เคที ซีมิโก้                     Outperform                   258
          บัวหลวง                           ซื้อ                       267
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                   ซื้อ                       260
          เอเซีย พลัส                        ซื้อ                       260
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)        ซื้อ                       259

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่ EGCO จะเข้าซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้า Paju ด้วยมูลค่าราว 2.62 หมื่นล้านบาทนั้น แม้อาจจะดูเหมือนแพงเล็กน้อยแต่ก็นับว่าสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับการไม่มีความเสี่ยงจากการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว และหากการซื้อหุ้นแล้วเสร็จตามเป้าหมายในต้นปี 62 ก็จะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาทันที ก็จะทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 9% หรือราว 900 ล้านบาท จากประมาณการกำไรในปี 62 และเพิ่มมูลค่าหุ้นได้อีกราว 14 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ ประเมินกำไรปกติของ EGCO ในปี 62 ที่ยังไม่นับรวมส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Paju จะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 12% จากปีนี้ หลังจะมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ 2 แห่งในปีหน้า ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในลาว และโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา ประเทศฟิลิปปินส์ และหากรวมกำไรจากโรงไฟฟ้า Paju เข้ามาก็คาดว่าจะหนุนกำไรปกติของ EGCO ในปี 62 เติบโตราว 22% จากปีนี้

"เรามองดีลนี้เป็นบวกจาก asset ที่ได้เข้ามาทำให้เปิดโอกาสแก่ EGCO ในหลาย ๆ ทางทั้งการเปิดการลงทุนในประเทศใหม่อย่างเกาหลีใต้ ที่ให้การส่งเสริมเรื่องของ renewable และการมีพันธมิตรที่ทำ LNG to Power ซึ่งเป็นอะไรที่กำลังมาในภูมิภาครวมถึงประเทศไทยที่มีแนวโน้มจะใช้ LNG เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า การที่ผู้ขายเลือก EGCO เป็นพันธมิตรเพราะตอบโจทย์ตรงนี้ ที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือในไทยในอนาคตจะมีโรงไฟฟ้าประเภทนี้เกิดขึ้น ก็เป็น win-win ทั้งสองฝ่าย"นายสุทธิชัย กล่าว

นายสุทธิชัย กล่าวอีกว่า EGCO นับว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่ยังมีการเติบโตที่ดีจากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ ซึ่งนอกเหนือจากโรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 62 ก็จะยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1 ในลาว ที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 65 เข้ามา ขณะที่ Valuation ของราคาหุ้นก็นับว่าไม่แพงโดยมีการซื้อขาย P/E ที่ราว 12-13 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (dividend yield) ราว 3%

ด้านนางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้า Paju ครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรให้กับ EGCO ได้ราว 1.3-1.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 13-17% ของประมาณการกำไรในปี 62 และเพิ่มมูลค่าหุ้นพื้นฐานให้กับ EGCO ราว 12-15 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นโรงไฟฟ้า Paju คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ม.ค.62 ทำให้ยังไม่ได้นำเข้ารวมในประมาณการ ขณะที่ EGCO ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเม็ดเงินที่จะใช้ลงทุนที่นอกเหนือจากเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์บางส่วนของ EGCO ในช่วงปีนี้แล้ว EGCO ก็จะใช้เงินกู้ยืมอีกส่วนหนึ่งในการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าว รวมถึงยังมีหลายปัจจัยที่อาจกระทบกำไรให้มีความผันผวนได้ เช่น ต้นทุนก๊าซฯ และการรับซื้อไฟฟ้าจากส่วนกลางเนื่องจากการซื้อขายไม่ได้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวเหมือนในไทย

อย่างไรก็ตามการลงทุนครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่จะร่วมธุรกิจกับบริษัท SK E&S ต่อไปในอนาคตสำหรับการทำธุรกิจใหม่อย่าง LNG ในไทย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

นอกจากนี้ในส่วนการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ฉบับใหม่ที่ใกล้จะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ เบื้องต้นคาดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ จะอิงกับความต้องการใช้ไฟฟ้าและปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ในรายภาค ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการใช้ในภาคที่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ เช่น ภาคใต้ ซึ่ง EGCO มีความพร้อมสำหรับการขยายที่โรงไฟฟ้าขนอม นอกจากนี้ในส่วนภาคกลาง EGCO ก็มีความพร้อมสำหรับสร้างส่วนขยายโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ซึ่งปัจจุบันการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ก็ได้ผ่านความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว

ด้านบทวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่ามีมุมมองที่เป็นบวกกับการที่ EGCO เข้าซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้า Paju ซึ่งคาดว่าจะทำให้มูลค่าหุ้น EGCO เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 9-12 บาท/หุ้น และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ที่เกาหลีใต้ และธุรกิจ LNG นอกจากนี้จะทำให้ EGCO มีกำไรเพิ่มขึ้นจากประมาณการอีกราว 1-1.5 พันล้านบาท ซึ่งหมายถึงกำไรจากธุรกิจหลักของ EGCO ในปี 2562 มีโอกาสจะโตได้ถึง 12.3-17.3%

"แนวโน้มในปี 2562 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ดีของ EGCO ในแง่การเติบโตของกำไรจากธุรกิจหลัก ซึ่งนอกจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการไซยะบุรี และซานบัวนาเวนทูราแล้ว เรามองว่ายังมี upside อีกจากการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำไรโตได้ถึงสองหลัก"เคจีไอฯ ระบุ

เคจีไอฯ ระบุอีกว่า ราคาหุ้น EGCO ในปัจจุบันยังเหลือ upside อีกมากจากราคาเป้าหมาย ก็ยังมี upside จากการลงทุนในโครงการ Paju อีก ยิ่งไปกว่านั้น ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่ต่ำ, ฐานการลงทุนที่แข็งแกร่ง และเงินสดที่มีเต็มมือก็น่าจะช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาวให้กับกิจการของ EGCO


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ