นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน (PRM) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโต 12% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบ conservatives เป็นไปตามการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการขนส่งภายในประเทศ(Domestic Trading) และการขนส่งระหว่างประเทศ (International Trading), ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป (ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU), ธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OFFSHORE SUPPORT VESSEL) (ธุรกิจเรือ OFFSHORE) และธุรกิจบริหารจัดการเรือ Ship Management (SM) Business
"เรามองแนวโน้มอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บสินค้าทางเรือปีหน้า จะยังมีความต้องการใช้เรือสูง โดยเฉพาะลูกค้าจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าฯ ขณะเดียวกันคาดราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ในระดับ 60-70 เหรียญฯ น่าจะส่งผลต่อความต้องการใช้เรือกักเก็บเพิ่มสูงขึ้น"
ทั้งนี้บริษัทฯ เตรียมรับเรือต่อใหม่รวมทั้งสิ้น 6 ลำ ซึ่งจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 แบ่งเป็นเรือของ PRM จำนวน 5 ลำ ได้แก่ เรือขนาด 3,000 เดทเวทตัน จำนวน 3 ลำ จะเข้ามาทดแทนเรือที่มีอายุมาก ส่วนอีก 2 ลำ เป็นการขยายตลาดเรือขนส่งระหว่างประเทศที่บริษัทฯ มีลูกค้าอยู่แล้ว โดยจะใช้เรือขนาด 50,000 เดทเวทตัน เพื่อขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มน้ำมันใส เช่น โมลแก๊ส, แนฟทา เป็นต้น รวมถึงอีกจำนวน 1 ลำ จะเป็นเรือต่อใหม่ของบิ๊กซี (Big sea) จากสิ้นปีนี้คาดมีเรือจำนวนทั้งสิ้น 27 ลำ
อีกทั้งยังมีแผนซื้อเรือใหม่เข้ามาทดแทนเรือเดิมที่มีอายุมากจำนวน 2 ลำ ขนาด 5,000 เดทเวทตัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนการเพิ่มกำลังการบรรทุกและการลดอายุเรือ โดยวางงบลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 6,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้รับงานจากบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หลังจากที่ PTTEP ชนะประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ ในการให้บริการเรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียม (Accommodation Work Barge) ซึ่งก่อนหน้านี้มีการหยุดต่อสัญญาไปจากสถาวะทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทฯ จะเริ่มให้บริการเรือในช่วงวันที่ 20 ธ.ค.61 และเริ่มรับรู้รายได้ทันที
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวน 3-4 ราย ในธุรกิจขนส่งทางเรือ เพื่อร่วมทุนหรือซื้อกิจการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี 62
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ คาดรายได้จะอยู่ที่ 5 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อนทำได้ 4.6 พันล้านบาท จากการปรับกองเรือให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาด