บลจ.ไทยพาณิชย์วางเป้าปี 51 NAV เพิ่มเป็น 4.8 แสนลบ.จาก 3.57 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2008 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM)  วางเป้าปี 51 เพิ่มขนาดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV)ภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมดเป็น 4.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปี 50 มี NAV 3.57 แสนล้านบาท และรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ต่อเนื่อง 
โดยธุรกิจกองทุนรวมคาดจะมี NAV เพิ่มเป็น 4.2 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 50 มี NAV ที่ 3 แสนล้านบาท , ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 6,632 ล้านบาทในปี 50 และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเน้นเพิ่มจำนวนบริษัทนายจ้างเป็น 1,200 ราย จากปีก่อนที่มี 5.18 หมื่นล้านบาท มีจำนวนนายจ้าง 723 ราย
"ในปีนี้เราให้ความสำคัญทุกด้าน เป้าหมาย SCBAM ในปี 51 ตั้งใจขยาย NAV เป็น 4.8 แสนล้านบาท โต 35% จะโตทั้ง 3 ธุรกิจทั้งกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กองทุนส่วนบุคคล และแน่นอนเราจะรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง" น.ส.พัชรินทร์ เตชะเคหะกิจ รองกรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าว
ในปี 50 บลจ.ไทยพาณิชย์ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 17.58% เป็นอันดับ 1 โดยทุกธุรกิจเติบโตได้แก่ ธุรกิจกองทุนรวมโต 76.50% หรือเพิ่มขึ้น 1.3 แสนล้านบาท ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้น 7.7 พันล้านบาท หรือโต 17.50% และ ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่ม 58% หรือ 2.4 พันล้านบาท
*กองทุนรวมเน้นขยายฐานลูกค้าใหม่ลงทุนกองตราสารหนี้
นายกำพลชัย อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจกองทุนรวม SCBAM ว่า ในส่วนธุรกิจกองทุนรวมในปี 51 ตั้งเป้าจะเพิ่ม NAV เป็น 4.2 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 50 มี NAV ประมาณ 3 แสนล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ประมาณ 21.13%
โดยจะขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ (SFF) ที่มี NAV 1.37 แสนล้านบาท ในปี 50 โด 83%จากปี 49 และคาดว่าปีนี้จะมี NAV เพิ่มขึ้นมา 9 หมื่น- 1 แสนล้านบาท เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินใกล้กับเงินฝาก เป็นกองทุนที่ลงทุนตลาดเงินอายุ 3 เดือนแต่ได้ผลตอบแทนสูงกว่า จึงคาดว่ายังได้รับความนิยม โดยที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนราว 2.5%
นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวมทั้งการเสนอขายกองทุนใหม่ ได้แก่ กองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) และ กองทุนรวมหุ้น
"เราคิดว่าทั้งปี 51 จะออกกองทุน FIF ที่ลงทุนตราสารหนี้เฉลี่ยเดือนละ 8 กองทุน" นายกำพลชัยกล่าว
ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้มีบริษัทที่สนใจจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ จำนวนมาก แต่ติดมาตรการกันสำรอง 30% เชื่อว่าหากมีรัฐบาลใหม่คงจะแก้ไขอุปสรรคนี้ออกไป
*มองตลาดหุ้นไทยยังไปได้ต่อ ปี 51 อยู่ที่ 950 จุด
นายชูเกียรติ ธิติหิรัญเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน SCBAM ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่อไปได้ โดยในปี 51 คาดโต 4.5-5.0% และปัญหาซับไพร์มจะคลี่คลายได้ ประกอบการการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปี 51 คาดอัตราเติบโตอยู่ที่ 15-20%
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยซึ่งมี P/E ที่ 11 เท่า ยังมองว่าถูกกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกันที่มี P/E ที่ 15 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจ และ คาดว่ายังคงมีเงินไหลเข้าตลาดทุนในเอเชีย เพราะมีอัตราเติบโตสูงกว่าย่านอื่น
ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปี 51 จะมีความผันผวนสูง โดยอยู่ในกรอบประมาณ 950 บวกลบ 20 จุด โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และ กลุ่มขนส่ง
ส่วนตลาดตราสารหนี้ คาดปี 51 อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ระดับ 3.25% จนถึงครึ่งปีแรก แต่ครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับขึ้น และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะปรับขึ้นตามไปด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ