นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะแกว่งตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ติดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยตลาดบ้านเราคงจะอยู่ในลักษณะผันผวน จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ออกมาตามคาด โดยคงอัตราดอกเบี้ย และยุติการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สิ้นปีนี้ รวมถึงมีการปรับลดประมาณตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูโรโซนในปีนี้ และปีหน้า
ด้านราคาน้ำมันรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียจะส่งน้ำมันให้กับโรงกลั่นในสหรัฐฯน้อยลง อย่างไรก็ดีวันนี้ให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศทั่วโลก และติดตามยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และจีน ส่วนบ้านเราก็จับตาตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศ SET50 และ SET100 ชุดใหม่ในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ต่อไป รวมถึงติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในสัปดาห์หน้าด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,600 จุด หากดัชนีฯปรับลงมาแถวนี้ก็น่าจะมีการรีบาวด์ได้ ส่วนแนวต้าน 1,620 ถัดไป 1,630-1,635 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,597.38 จุด เพิ่มขึ้น 70.11 จุด (+0.29%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,650.54 จุด ลดลง 0.53 จุด (-0.02%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,070.33 จุด ลดลง 27.98 จุด (-0.39%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 16.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 305.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 23.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 39.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.95 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 177.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.09 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ธ.ค.61) 1,614.99 จุด ลดลง 19.89 จุด (-1.22%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติซื้อสุทธิ 118.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ธ.ค.61) ปิดที่ 52.58 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ธ.ค.61) ที่ 2.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.72 อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาคหลังดอลล์แข็ง มองกรอบวันนี้ 32.65-32.80 จับตายอดค้าปลีกสหรัฐฯ
- ครม.อนุมัติผลประมูลสัมปทานปิโตรเลียม"เอราวัณ-บงกช" ปตท.สผ.คว้าทั้ง 2 แหล่ง "ศิริ"ชี้ยื่นเงื่อนไขดีกว่าเชฟรอน ทั้งราคารับซื้อก๊าซต่ำ ช่วยลดค่าไฟประชาชนและค่าผลตอบแทน ที่จ่ายเข้ารัฐ 6.5 แสนล้านใน 10 ปี คาดลงนาม ในสัญญาภายในเดือน ก.พ.62 บิ๊ก ปตท.สผ.เผยเตรียมงบลงทุน 5 ปีๆ ละ 1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนเชฟรอนครวญรู้สึกผิดหวัง
- ลุ้นประชุมบอร์ดประมูล ไฮสปีดเทรนเคาะผู้ชนะวันนี้ คาดกรรมการ ถกเครียดหวั่นบางเงื่อนไขรัฐเสียหายระยะยาว "รฟท."ชี้ผู้ขอเงินอุดหนุนต่ำสุดชนะ หากไม่มี ข้อคิดเห็นเพิ่ม เดินหน้าเจรจาเอกชนเสร็จใน 2 สัปดาห์ ตั้งเป้าลงนามก่อน 31 ม.ค.2562 ขณะที่ "ซีพี" ปัดตอบผลประมูล รอลุ้นคณะกรรมการพิจารณา
- สศช.ชี้หนี้ครัวเรือนพุ่ง อย่ากังวลกู้เพื่อซื้อสินทรัพย์ถาวร ครม.ไฟเขียวแผน 5 จังหวัดอีสานบน สร้างแหล่งเที่ยวใหม่ดึงดูดต่างชาติ ดันทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย 2.6 หมื่นล้าน เคาะฟรีค่ามอเตอร์เวย์ ปีใหม่ 8 วัน คลังเล็งเกณฑ์บัตรคนจนใหม่ใช้มูลหนี้เป็นฐาน จ่อฟันคนรวยใช้สวัสดิการ นายแบงก์ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจแค่ 0.05%
- ททท.คาดฉลองปีใหม่ทำเงินสะพัดกว่า 1.7 หมื่นล้าน ทั้งจาก นักท่องเที่ยวไทย-เทศ ประกาศจัดเคาต์ดาวน์ยิ่งใหญ่ใน กทม.และ 4 เมืองรอง พร้อมจับมือไอคอนสยามผู้ประกอบการ 2 ฝั่งเจ้าพระยาจัดใหญ่เคาต์ดาวน์
*หุ้นเด่นวันนี้
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/61 ดีขึ้น Q-Q เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งด้อยค่าปิดโรงงานเหมือน Q3/61 ส่วนกำไรปกติจะอ่อนลงตามฤดูกาล โดยคาดกำไรปกติทั้งปีนี้ 4.17 พันล้านบาท -9% Y-Y ส่วนปีหน้าคาดกลับมาโต 32% Y-Y อยู่ที่ 5.49 พันลบ. แม้ไม่ใช่ Domestic Play แต่เป็นหุ้นที่มองว่ามีโอกาส Turnaround ในปี 2562 จากที่ชะลอมา 2 ปีติดต่อกัน อีกทั้งยังเป็นหุ้น Low Beta ที่น่าจะทนทานต่อความผันผวนของตลาดช่วงนี้ได้ดีด้วย
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 80 บาท ตัวแทนกลุ่มค้าปลีก โดยสถิติเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุดของไทย กลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีสุดทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง
- PTTEP (หยวนต้า) "ซื้อเก็งกำไร"หลังชนะประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้งแปลงบงกช และเอราวัณ 2) ผู้บริหารมั่นใจเกิด Synergy ลดต้นทุนการผลิตชดเชยข้อเสนอราคาก๊าซที่ต่ำได้ ขณะที่ 3) ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง 6.7% จากแรงขาย Sell on fact และความกังวลต่อข้อเสนอที่สูงกว่าคาด ทำให้ 4) ราคา ณ ปัจจุบันมี Upside gain 20% โดยยังไม่รวมผลประมูลเบื้องต้นคาดเพิ่มมูลค่า 17 บาท/หุ้น โดยราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 150.00 บาท (ยังไม่รวมผลกระทบจากการประมูลในครั้งนี้)