นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า ทรูมูฟ เอช ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อสาธิตการทำงานของเทคโนโลยี 5G บนคลื่นความถี่สำหรับ 5G โดยเฉพาะ คือคลื่นความถี่ในย่าน 28 GHz เพื่อเป็นก้าวแรกให้คนไทยสามารถเชื่อมต่อสู่โลกดิจิทัลและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงปฏิรูปการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบและยั่งยืน
โดย ทรูมูฟ เอช ในฐานะผู้นำเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคนไทยที่มีความหลากหลายด้านคลื่นความถี่มากที่สุด ได้แก่ 850/900/1800 และ 2100 MHz และในวันนี้มีความพร้อมที่จะพาคนไทยสัมผัสชีวิตดิจิทัลในยุค 5G อย่างเต็มรูปแบบ โดยพร้อมให้ทดลองใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง ในงาน "True 5G Digital Thailand, The 1st Showcase powered by TrueMove H"
"เราตั้งใจให้งานนี้เป็น Bestination คือจุดหมายที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่จะเข้ามาเรียนรู้และสัมผัสนวัตกรรมสุดล้ำอันหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์ด้านความบันเทิง กีฬา ระบบเมืองและการขนส่งยุคอนาคต รวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ต่างๆ ที่จะเข้ามาพลิกโฉมรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทย รวมถึงการปฏิรูประบบการทำงานต่างๆ ในอนาคต"
ภายในงาน "True 5G Digital Thailand, The 1st Showcase powered by TrueMove H" จะได้พบกับประสบการณ์ 5G เต็มรูปแบบอย่างแท้จริงครั้งแรกของคนไทย ทดลองการใช้งานหลากหลายนวัตกรรมสุดล้ำเป็นจริงได้ด้วยเทคโนโลยี 5G
1. 5G Speed Test, The New Experience ร่วมทดสอบความเร็วของ 5G พร้อมกับทรูมูฟ เอช สัมผัสความสำเร็จ ครั้งแรกของไทยกับความเร็วสูงสุด 18 Gbps. และการใช้งานจริง อาทิ วิดีโอ 8K Full HD, กล้อง 8K VR 360 การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน และการปล่อยสัญญาณ Hot Spot ในที่ที่มีคนมากๆ เช่น คอนเสิร์ต เป็นต้น
2. Dancing Robot พบกับความบันเทิงและลีลาการเต้นแสนน่ารักอย่างพร้อมเพรียงของเหล่าหุ่นยนต์ multi-axis โดยสาธิตการสื่อสารข้อมูลด้วยความหน่วงต่ำบนเครือข่าย 5G โดยหุ่นยนต์ตัวแรกจะถูกควบคุมท่าเต้นและจังหวะ การเต้นผ่านระบบควบคุม และหุ่นยนต์ตัวแรกจะส่งต่อคำสั่งไปยัง หุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ทำให้เกิดการเต้นที่พร้อมเพรียง
3. Virtual Driving สัมผัสประสบการณ์ขับรถแบบเสมือนจริง และสมจริงด้วย 5G เป็นการสาธิตการสื่อสารข้อมูลด้วยความหน่วงต่ำบนเครือข่าย 5G ผ่านระบบจำลองการขับรถ โดยจะเห็นได้ชัดว่ารถยนต์จำลองจะตอบสนองต่อการการควบคุมในทันทีโดยปราศจากความหน่วง
4. City Model + Connected Drone พบกับเมืองต้นแบบอัจฉริยะในโลกอนาคต ที่เชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน และนำโดรนเข้ามาช่วยสอดส่องความปลอดภัยและยังสามารถใช้เป็นระบบขนส่งอัจฉริยะ
5. Remote Operation with 5G (Excavator) สาธิตการทำงานบน latency หรือค่าความหน่วงที่ต่างกัน ในการสั่งงานจากระยะไกล (remote) โดยใช้รถตักจำลอง 2 คันมาทดสอบ คันแรกจะเชื่อมต่อกับเครือข่าย LTE ในขณะที่รถคันที่ 2 จะเชื่อมต่อกับ 5G ซึ่งตัวควบคุม (joystick) จะส่งคำสั่งควบคุมเดียวกันไปยังรถตักทั้ง 2 คัน โดยรถตักที่ใช้ 5G จะตอบสนองต่อการควบคุมได้แบบเรียลไทม์
6. 3D Augmented Reality Collaboration แสดงศักยภาพการทำงานของ 3D Augmented Reality สาธิตอนาคต แห่งการทำงานร่วมกันโดยผ่านวิดีโอเสมือนจริง โดยคู่สนทนาสามารถทำงานร่วมกันจากระยะไกลแบบอินเตอร์แอคทีฟ
7. Robot Arm Soccer Goal Keeper ท้าดาวซัลโวพิชิตประตูของผู้รักษาประตูมือจักรกล แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของ 5G ในการควบคุมการทำงานระบบ AI ที่มีทั้งความเร็วและความแม่นยำ
8. Rock-Paper-Scissor with Robot Arm เป่ายิ้งฉุบแบบไม่ธรรมดากับหุ่นยนต์มือกลที่ควบคุมการทำงานด้วย 5G ควบคู่กับ Machine Learning ที่เรียนรู้ท่าทางต่างๆ ของคน
9. 360 VDO Live Streaming พิสูจน์ความแรงของ 5G ด้วยการใช้งาน 360 Live VR Streaming สาธิตการชมวิดีโอที่ให้ประสบการณ์เสมือนจริงผ่านเครือข่าย 5G โดยข้อมูลจะถูกส่งผ่านด้วยความเร็วสูงและค่าความหน่วงต่ำมายังผู้ชม ซึ่งผู้ชมจะสามารถมองรอบข้างได้ 360 องศา ประหนึ่งว่านั่งอยู่ในสถานที่จริง
10. Ultrasound Robot สาธิตการทำงานของหุ่นยนต์อัลตร้าซาวด์ควบคุมการสั่งงานจากระยะไกล (remote) ซึ่งนำข้อดีของ 5G ซึ่งมี latency หรือค่าความ หน่วงต่ำ มาพัฒนาใช้งานทางการแพทย์ สามารถสแกนส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อทำงานแบบเรียลไทม์และมีความแม่นยำสูง
"เทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะเปิดให้ใช้งานจริงในอนาคตจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติชีวิตของทุกคนในทุกๆ มิติ 5G มีความเร็วมากกว่า 4G ถึง 20 เท่า มี latency หรือ ค่าความหน่วงต่ำ ใช้เวลาในการตอบสนองต่อการรับ-ส่งสัญญาณที่น้อยกว่า 4G ถึง 10 เท่า เหมาะกับการใช้งานแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น การผ่าตัดทางไกล รวมถึงมีค่าการเชื่อมต่อ (Connection) ที่สามารถรองรับ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ได้มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เกิดระบบออโตเมชั่นสมบูรณ์แบบมากขึ้นและฉลาดยิ่งขึ้น ลดรายจ่าย เพิ่มผลผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในอนาคตเมื่อมีการนำ 5G มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ เราจะเห็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ที่จะพลิกโฉมทุกชีวิต จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อม และทำความรู้จักกับเทคโนโลยี 5G ตลอดจนประโยชน์จากการประยุกต์ใช้งานต่างๆ อย่างรอบด้าน" นายวิเชาวน์ กล่าว