นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) ปฏิเสธกระแสข่าวลือที่ระบุว่าดีลที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสเทรค ประเทศไทย จำกัด (STREK) ล่ม ซึ่งไม่เป็นความจริง ปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าเข้าซื้อหุ้น STREK จำนวน 15,300,000 หุ้น คิดเป็น 51% ของหุ้นสามัญทั้งหมดของ STREK ด้วยวิธีการแลกหุ้นสามัญ (Share Swap) คิดเป็นมูลค่ารวมการลงทุน 510 ล้านบาท
อีกทั้งเตรียมศึกษาแนวทางการซื้อหุ้น ECF คืน หากเป็นแนวทางการออกเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมก็จะเสนอให้คณะกรรมการบริษทพิจารณาต่อไป เนื่องจากเชื่อมั่นแนวโน้มการเติบโตของบริษัท
ขณะนี้บริษัทอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมเรื่องจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เดือน มี.ค.62 และรอรายงานความเห็นจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งตอนนี้เรื่องการจัดส่งเอกสารข้อมูลมีความคืบหน้าไปมากเหลือส่วนของการทำ special audit โดยผู้สอบบัญชีที่ทางบริษัทว่าจ้าง เพื่อให้งบการเงินของ STREK ถูกต้องตามมาตรฐานบัญชีก่อนที่ทางบริษัทจะเข้าลงทุน บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรทันทีในปี 62 โดยในปี 60 ที่ผ่านมา STREK มีรายได้รวมประมาณ 4,848 ล้านบาท
แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/61 แนวโน้มรายได้ของบริษัทคาดสามารถสร้างการเติบโตได้ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่จะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 MW ประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้การก่อสร้างเฟสแรกมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเริ่ม COD ภายในไตรมาส 1/62 สำหรับเฟส 2-3-4 รวมทั้งสิ้น 220 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการปรับแผนงานเพื่อหาทางเร่งการก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดจากแผนเดิมเสร็จปีละ 1 เฟส เพื่อส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้ที่จะเร็วขึ้นจากเดิม
"บริษัทมีแผนขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ดังนั้นหากมีธุรกิจที่มีความน่าสนใจ บริษัทจะเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนกิจการนั้นๆ"นายอารักษ์ กล่าว