หุ้น INGRS ราคาพุ่งขึ้น 9.26% มาอยู่ที่ 0.59 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.27 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.23 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.58 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.59 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.58 บาท
บมจ.อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) (INGRS) แจ้งว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของ Ingress Corporation Berhad (ICB) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ INGRS ถือหุ้นร้อยละ 60.02 ของหุ้นทั้งหมด โดยที่ Ramdawi Sdn.Bhd.ซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 100 ของ ICB ได้ขายหุ้นบางส่วนใน ICB ให้แก่บุคคลธรรมดาชาวมาเลเซียท่านหนึ่งซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้มีอำนาจควบคุมของ ICB และ INGRS ซึ่งส่งผลให้หลังการทำรายการเสร็จสิ้น Ramdawi และบุคคลธรรมดา ชาวมาเลเซียท่านดังกล่าวถือหุ้นของ ICB คิดเป็นร้อยละ 90.02 และ 9.80 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของ ICB ในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุมใน INGRS แต่อย่างใด โดยผู้ถือหุ้นผู้มีอำนาจควบคุมของ INGRS ยังคงเป็น Mr.RAMELI BIN MUSA และ Mr.AB WAHAB BIN ISMAIL ซึ่งทั้ง 2 ท่านยังทำหน้าที่กรรมการและกรรมการบริหารของ INGRS ด้วย
พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.026 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 2 ม.ค.2562
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ถือ"หุ้น INGRS ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าราคาพาร์ 1 บาท และต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 1.2 บาท แต่ก็ซื้อขาย P/E ที่สูง 16.1 เท่า จึงประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับราคาพาร์ 1 บาท
INGRS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/61-62 (งวด ส.ค.-ต.ค. 2561) มีกำไรที่ฟื้นตัวดีขึ้น 27 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อนที่มีกำไรเพียง 1 ล้านบาท และ 5 ล้านบาท ตามลำดับ แต่ถ้าหากตัดรายการพิเศษกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และ ตีราคาอสังหาริมทรัพย์รวม 14 ล้านบาท จะมีกำไรปกติเพียง 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เด่น ดีขึ้นจากปีก่อน และ ไตรมาสก่อนที่มีกำไรปกติ 4 ล้านบาท และ 5 ล้านบาท ตามลำดับ ผลประกอบการที่ดีขึ้นได้แรงหนุนจากยอดขายชิ้นส่วนรถยนต์ที่เติบโต 913 ล้านบาท (+21%QoQ, +12%YoY) จากการเติบโตของบริษัทย่อยในอินเดีย รวมถึงบริษัทในมาเลเซีย และ อินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 17.9% เทียบกับ 21.2% ในไตรมาสก่อน และ 19.3% ในปีก่อน