นายฮามิดี บิน เมาลอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) (INGRS) กล่าวว่า บริษัทกำลังเสนองานใหม่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นโครงการระดับโลกที่มีมูลค่าโครงการสูง เนื่องจากแต่ละโครงการจะมีการผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานในหลายประเทศ บริษัทคาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลภายในปี 62
และสำหรับประเทศมาเลเซีย บริษัทคาดว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ปีหน้าคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และ มีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการของกลุ่มโปรตอน และการสนับสนุนจากภาครัฐที่น่าจะมากขึ้น ดังนั้น บริษัทคาดว่ายอดการผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่มโปรตอนซึ่งเป็น 1 ในลูกค้าหลักจะเพิ่มมากขึ้นและเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งเมื่อรวมกับการผลิตชิ้นส่วนโครงการใหม่ๆให้กลุ่มเพอโรดัว จะทำให้บริษัทฯย่อยในมาเลเซียมีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ INGRS วางแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศอินเดียอย่างเต็มที่ โดยบริษัทฯจะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด ตลอดจนขยายฐานลูกค้าผลิตรถยนต์รายใหม่ๆเพิ่มเติม เนื่องจากอินเดียมีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีการผลิตรถยนต์ปีละ 4 ล้านคัน และยังเติบโตสูงสุดถึง 14.3% จากปีก่อน
สำหรับผลงานในไตรมาส 3/61 บริษัทมีรายได้รวม 912.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากรายได้รวม 812.41 ล้านบาทในไตรมาส 2/61 และบริษัทมีกำไรสุทธิ 26.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,458% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 1.35 ล้านบาทในไตรมาส 2/61 และเพิ่มขึ้น 161% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 13.15 ล้านบาทในไตรมาส 3/60 โดยรายได้รวมของบริษัทเป็นรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศไทยประมาณ 32.54% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียประมาณ 55.25% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินเดียประมาณ 5.83% และรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซียประมาณ 6.38%
ส่วนงวด 9 เดือนปี 61 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,378.27ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวม 2,148.47 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 48.35 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 104.36 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากบริษัทฯย่อยในมาเลเซีย ค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้นและผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยบริษัทได้เซ็นสัญญารับออเดอร์ใหม่เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง และในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯมีการเริ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์โครงการใหม่หลายโครงการในประเทศไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยบริษัทใช้งบลงทุนในปีนี้ทั้งสิ้นประมาณ 540 ล้านบาท