นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้มีแรงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงด้วยจนหลุด 50 เหรียญฯ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน จากวิตกอุปทานของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงกว่า 500 จุด จากวิตกเศรษฐกิจชะลอ
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ จับตาดูว่าจะชะลอตัวหรือไม่ และติดตามการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งก็คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ให้รอดูการส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ของไทยด้วยว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,595-1,600 ถัดไป 1,585 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,592.98 จุด ร่วงลง 507.53 จุด (-2.11%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,545.94 จุด ลดลง 54.01 จุด (-2.08%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,753.73 จุด ลดลง 156.93 จุด (-2.27%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 231.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 184.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 31.07 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 13.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 36.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 13.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 42.04 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ธ.ค.61) 1,601.48 จุด ลดลง 7.97 จุด (-0.50%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 481.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ธ.ค.61) ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2560
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ธ.ค.61) ที่ 2.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.71/73 แข็งค่าจากวานนี้ หลังดอลล์อ่อนจากแรงขายทำกำไร ก่อนประชุมเฟด
- "พลังงาน" แจงร่างพีดีพีใหม่ (ปี 61-80) กดค่าไฟเฉลี่ยเหลือ 3.576 บาทต่อหน่วย ต่ำกว่าแผนเดิม เหตุมีทางเลือกต้นทุนต่ำ ทั้งนำเข้า LNG พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีถูกลงต่อเนื่อง เปิดทางโซลาร์ภาคประชาชน 1 หมื่นเมกะวัตต์ เด้งรับมหาดไทยดันซื้อไฟขยะชุมชนเพิ่มอีก 400 เมกะวัตต์ ส่วนนิวเคลียร์หลุดแผน ถ่านหินใต้ยังต้องรอลุ้น พร้อมเปิดทางโรงไฟฟ้าหลักแข่งขัน 8,300 เมกะวัตต์ แย้ม 2 โรงแรกจ่อเปิดแข่งในภาคตะวันตกก่อน ลั่นอีก 2 ปี ต้องปรับใหม่ ด้านเวทีประชาพิจารณ์ชำแหละพีดีพีใหม่สุดมั่ว
- ทอท.เคาะเปิดประมูล ดิวตี้ฟรีไม่รวมเทอร์มินัล 2 หวั่นโครงการช้า จ่อชง ครม.เปิดประมูลต้นปี 2562
- บีโอไอโรดโชว์ 3 เมืองอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ หารือ 30 บริษัทเป้าหมายรายใหม่ ชวนลงทุนในไทย ทั้งเครื่องมือแพทย์ ดิจิทัล พร้อมมอบบีโอไอประจำกรุงโซลติดตามใกล้ชิด
- พาณิชย์จับมือบิ๊กอีคอมเมิร์ซ เซ็นทรัลเจดีคอมเมิร์ซ และเจดีกรุ๊ป เข็นสินค้าไทยขายผ่านออนไลน์และ ออฟไลน์ บุกตลาดคนจีนที่มีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคน มูลค่าตลาดกว่า 9 ล้านล้านหยวน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าแฟชั่น ชาวจีนนิยมแบรนด์จากต่างประเทศ
*หุ้นเด่นวันนี้
- AAV (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 4.83 บาท ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงส่งผลบวกต่อต้นทุนการดำเนินงานลดลง (น้ำมันคิดเป็น 30% ของต้นทุนรวม) ธุรกิจสายการบินมอง AAV ได้ผลบวกมากสุด เนื่องจากเป็นสายการบินที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าราคาน้ำมันไว้น้อยที่สุด (4% ของปริมาณที่ต้องการใช้)
- IVL (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 69.25 บาท โดยผู้บริหารยังมั่นใจว่ากำไรปี 2562 จะเติบโตต่อเนื่อง YoY จากโอกาสที่ EBITDA/ตัน และปริมาณการขายจะปรับสูงขึ้น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2561-63 ขึ้น 21-28% เป็น 3.03 หมื่นล้านบาท /3.14 หมื่นล้านบาท/3.45 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน IVL คือหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีเพียงบริษัทเดียวที่กสิกรไทยวิเคราะห์อยู่ที่มีกำไรอยู่ในทิศทางขาขึ้นในช่วงปี 2561-63
- CPN (ไอร่า) ประเมินราคาเป้าหมาย 90 บาท โดยคาดปี 62 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% จาก (1) การรับรู้รายได้เต็มปีของศูนย์การค้า Luxury ขนาดใหญ่ Central Phuket และรายได้ส่วนเพิ่มจากแผนการเปิด 3 ศูนย์ใหม่ ที่ มาเลเซีย อยุธยา และ Central Village ใกล้สุวรรณภูมิ (2) การปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าหลังปิดปรับปรุงศูนย์ รวมถึงการทยอยปรับสัญญาเช่าระยะยาวเป็นระยะสั้น ทำให้คาด CPN จะยังคงรักษาระดับ Occ. Rate ได้ในไม่ต่ำกว่า 94% และคาด SSSG เติบโตดีต่อเนื่อง ประมาณ 3 - 4% และ (3) แผนการส่งมอบ 3 โครงการคอนโด (มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท) ในปี 62 ขณะที่มีแผนการเปิดศูนย์การค้าใหม่จำนวน 2 - 3 แห่งต่อปี พร้อมการขยายธุรกิจไปยังโครงการอสังหาฯ แบบ Mixed Used เช่น คอนโด "The Escent" ที่ได้รับการตอบรับดี ขณะที่การเข้าซื้อ GLAND (ยังไม่รวมในประมาณการ) ช่วยต่อยอดการพัฒนาที่ดินในรูปแบบต่างๆ คาดช่วยหนุนรายได้และกำไรให้เติบโตต่อเนื่องและมีความมั่นคงในระยะยาว