PTT เตรียมลงทุนพัฒนาโครงการ EECi เฟสแรกต้นปี 62 มูลค่า 3 พันลบ.ดึงผู้ประกอบการร่วมทำ R&D คาดเปิดให้บริการปี 64

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 19, 2018 15:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเริ่มลงทุนพัฒนาพื้นที่เฟสแรกของโครงการพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีพื้นที่ในเฟสแรกรวม 400 ไร่ โดยโครงการดังกล่าวบริษัทจะเป็นผู้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และจะเสนอให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ในอาเซียนที่จะเน้นไปใน 4 ด้าน ได้แก่ Smart City, Bio Technology, Artificial Intelligence (AI) และ Energy

ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มคัดเลือกผู้รับเหมาที่จะเข้ามารับทำโครการ EECi ในช่วงต้นปี 62 และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี หรือกลางปี 62 คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นปี 64 มูลค่าลงทุนในเฟสแรกรวม 3 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย การพัฒนาถนน ไฟฟ้า ประปา และพื้นที่ โดยปัจจุบันมีความต้องการใช้พื้นที่จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่สนใจเข้ามาจองพื้นที่จำนวน 100 ไร่ และจะมีบริษัทในกลุ่ม ปตท.เข้ามาจองพื้นที่เป็นศูนย์การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่ม ปตท.พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลโครงการ EECi กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งตั้งเป้าที่จะมีผู้ประกอบการสนใจเข้ามาจองพื้นที่ในเฟสแรกราว 10-20 ราย

ด้านแผนการดำเนินงานในปี 62 บริษัทเตรียมนำแผนการดำเนินงานเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ โดยเบื้องต้นมองว่าราคาน้ำมันดิบในปีหน้ายังมีแนวโน้มผันผวนจากผลกระทบสงครามการค้า ปริมาณน้ำมันในตลาด รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 61 ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ แต่ปริมาณน้ำมันในตลาดไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก เพราะในช่วงก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันปรับลดลงมาก ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันชะลอการสำรวจและลงทุนในแหล่งน้ำมันใหม่ ๆ พร้อมกับชะลอการผลิตน้ำมันไป รวมถึงไม่ปล่อยสต็อกน้ำมันออกมา ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แต่ในช่วงท้ายปีมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสงครามการค้า ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันให้ลดลง ขณะที่ผู้ผลิตยังคงผลิตน้ำมันและนำสต็อกน้ำมันออกมาขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดมากขึ้น และมากกว่าความต้องการใช้ ราคาน้ำมันจึงเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งและเกิดความผันผวน

ทั้งนี้ ปตท.มองว่าราคาน้ำมันดิบในสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยคาดว่าอยู่ที่ราว 50-60 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และในปี 62 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 65-75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง 2 ปัจจัยหลัก คือ การเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสงครามการค้าที่จะสร้างความผันผวนต่อเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน รวมทั้งกลุ่มผู้ซื้อน้ำมัน

"ยอมรับว่าตอนนี้ที่ราคาน้ำมันปรับลดลงมามาก ก็คงส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้เล็กน้อย ที่กระทบไม่มากเพราะว่าราคาน้ำมันปรับลดลงในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ในปีหน้าก็ต้องดูทิศทางของราคาน้ำมันอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร"นายชาญศิลป์ กล่าว

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ยกอุทธรณ์ของบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ขอให้ทบทวนขอคำเข้าซื้อกิจการของบมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) นั้น ปัจจุบันเรื่องยังในอยู่ระหว่างกระบวนการ และยังไม่สามารถเปิดเผยความชัดเจนได้

และในเรื่องการที่บริษัทจะเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนของผลการประมูลโครงการเช่น ทำให้บริษัทยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนจนกว่าจะมีความชัดเจนของผลการประมูลออกมาอย่างเป็นทางการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ