นางปิยะภา จงเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ.ซี เอ แซด (ประเทศไทย) (CAZ) เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ธ.ค.) ได้นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนและประชาชน (โรดโชว์) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดย CAZ วางแผนเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ หลังจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ CAZ แล้ว และคาดว่าจะเสนอขายและเข้าจดทะเบียนใน mai ได้ภายในต้นปี 2562
ด้านนายซุง ซิก ฮอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CAZ กล่าวอีกว่า การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ ทำให้บริษัทเพิ่มความสามารถของการรับงานในอนาคต โดยการใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่ธนาคาร ลงทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ในการประกอบธุรกิจและการพัฒนาด้านไอที และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
อีกทั้งบริษัทประกอบธุรกิจการให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการบริหารจัดการงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกขั้นตอน โดยช่องทางการรับงานมีทั้งการให้บริการตรงจากบริษัทเจ้าของโครงการ (Project Owner) และจากบริษัทผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) โดยการให้บริการส่วนใหญ่เป็นงานที่มีความซับซ้อน และมีมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้ต้องอาศัยความชำนาญ
สำหรับลักษณะงานและการบริการแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.บริการรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (Engineering, Procurement and Construction: EPC) 2.บริการรับเหมาก่อสร้างติดตั้งโครงสร้างและระบบ (Structural Mechanical Piping (SMP) and Electrical and Instrument Service) 3.บริการงานด้านวิศวกรรมโยธาและอาคาร (Civil and Building Service) และ 4.บริการผลิต ประกอบ และบริการอื่น (Fabrication and Other Service)
นางสาวพรธิภัสร์ ขันธีวิทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน ของ CAZ กล่าวเสริมว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาในหลายโครงการในประเทศไทย รวมทั้งมีฝ่ายบริหารจัดการต้นทุน มีระบบการบริหารจัดการและการควบคุมที่ดี ส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถส่งมอบงานได้ตรงตามกำหนดเวลา ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการระดมทุนครั้งนี้ยังช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลง ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สามารถเพิ่มช่องทางในการจัดหาเงินทุนและขยายวงเงินกู้ได้อีก เพื่อรองรับการขยายงานเพิ่มในอนาคต
ผลประกอบการที่ผ่านมาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,060.09 ล้านบาท เติบโต 81.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 585.61 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.34 ล้านบาท เติบโต 549.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.06 ล้านบาท และในปี 2560 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,019.29 ล้านบาท เติบโต 56.50% จากปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ 651.30 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.17 ล้านบาท เติบโต 82.73% จากปี 2559 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.68 ล้านบาท
อนึ่ง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ CAZ ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.61 ประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบมจ.ทาคูนิ (ประเทศไทย) (TAKUNI) ถือหุ้น 51.30% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 36.64% รองลงมาเป็นกลุ่ม CAZ ถือหุ้น 48.70% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 34.79%