(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงกรอบจำกัดตามต่างประเทศกังวลศก.โลกชะลอ,หวังแรงซื้อแบงก์-พลังงานช่วยประคอง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 20, 2018 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับฐานลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และแม้จะลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือเพียง 2 ครั้ง จากเดิม 3 ครั้ง แต่เฟดก็ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 61 เหลือ 3% จากเดิม 3.1% และปี 62 เหลือ 2.3% จากเดิม 2.5% ทำให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวและกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อวานนี้ร่วงลงกว่า 300 จุด และส่งผลมายังตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ,เกาหลีใต้ ก็ปรับตัวลง

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นมากว่า 2% หลังสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง แม้จะลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดก็ตาม แต่การที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมามากก่อนหน้านี้ก็ทำให้รีบาวด์ขึ้นมาได้ รวมถึงสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณประจำปี 62 ของอิตาลีที่ปรับลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณในปีหน้าลงสู่ระดับ 2.04% จากเดิมที่ระดับ 2.40%

นอกจากนี้ ปัจจัยจากในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% แม้วานนี้ตลาดหุ้นจะตอบรับไประดับหนึ่งแล้ว แต่เชื่อว่าวันนี้น่าจะยังคงมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์เข้ามาต่อเนื่อง เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลทางบวกต่อการดำเนินงาน

ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานเข้ามาช่วยประคองตลาดด้วย รวมถึงคาดหวังแรงซื้อจากสถาบันในประเทศในกลุ่มกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาด้วยในช่วงปลายปี ทำให้คาดว่าการปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทยวันนี้น่าจะอยู่ในกรอบจำกัด แม้ว่าระหว่างวันดัชนีมีโอกาสหลุดระดับ 1,600 จุดลงมา แต่ก็คาดว่าเมื่อตลาดหุ้นปิดทำการก็น่าจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,590 จุด และแนวต้านที่ 1,605 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,323.66 จุด ร่วงลง 351.98 จุด (-1.49%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,506.96 จุด ลดลง 39.20 จุด (-1.54%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,636.83 จุด ลดลง 147.08 จุด (-2.17%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 207.99 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 141.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 53.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 15.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 16.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 21.25 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ธ.ค.61) 1,601.12 จุด เพิ่มขึ้น 17.93 จุด (+1.13%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 740.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ธ.ค.61) ปิดที่ 47.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 2.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ธ.ค.61) ที่ 2.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.75 อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค จากแรงซื้อดอลล์ ขานรับเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
  • กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกในรอบ 7 ปี ด้วยมติ 5 ต่อ 2 เสียง มั่นใจไม่กระทบแรงส่งเศรษฐกิจ ชี้ดอกเบี้ยปัจจุบันยังเป็นระดับผ่อนคลาย ส่วนระยะข้างหน้า กนง.จะต้องประเมินจากฐานข้อมูล รอบด้านเป็นครั้งๆ ล่าสุดปรับลดจีดีพีปีนี้เหลือ 4.2% ส่วนปีหน้า 4.0% ส่งออกตัวฉุด ด้าน รมว.คลังสั่งอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทากระทบดอกเบี้ยขาขึ้น ผู้บริหารกรุงไทยออกโรงยันไม่ปรับขึ้นตาม
  • โบรกเกอร์จ่อปรับคาดการณ์กำไรปีหน้าเพิ่ม ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับขึ้นขานรับ กนง.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% หนุนแบงก์ใหญ่ได้ประโยชน์จากทิศทางสินเชื่อดอกเบี้ยแบบลอยตัว ส่วนแบงก์เล็กโบรกคาดได้อานิสงส์เล็กน้อย พร้อมจ่อปรับคาดการณ์ กำไรสุทธิกลุ่มแบงก์ปี 62 ขึ้นราว 5%
  • ธนาคารกรุงไทย คาดการณ์ปีหน้า กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง เป็น 2% ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ซึ่งจะทิ้งช่วงนานจากการปรับขึ้นครั้งนี้ และถือว่าปรับขึ้นค่อนข้างน้อย เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2562 เติบโต 4.1% ลดลงเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 4.3% ขณะที่ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเห็นการชะลอตัวแล้วตั้งแต่ปลายปีนี้
  • "อภิศักดิ์"ไฟเขียว"ธนชาต-ทีเอ็มบี"ควบรวมกิจการ หวังเพิ่มขนาดเสริมความแข็งแกร่ง แบงก์ไทยสู้คู่แข่งในภูมิภาค จับตาใกล้ปิดดีลเหลือแค่รายละเอียดการขายสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อน ยันจุดยืนคลังไม่ขายหุ้น ด้าน"สโกเทีย"พร้อมขายหุ้นให้"ไอเอ็นจี"เปิดทางถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ขณะที่"ธนชาต"หวังพึ่งพาคนรุ่นใหม่ทีเอ็มบีก้าวสู่ธนาคารดิจิทัล
  • ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย.61 อยู่ที่ระดับ 93.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดรอบ 66 เดือน หลังผู้ประกอบการเร่งผลิต และจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดรับปีใหม่ ชี้เลือกตั้งดันเศรษฐกิจภูมิภาคบูม "ส.อ.ท." วางเป้าผลิตรถยนต์ปี 2562 เป็น 2.15 ล้านคันหรือเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 5 หมื่นคัน
  • กบข.เผยปี 2562 เศรษฐกิจโลกชะลอและซบเซา เผชิญความเสี่ยงสูง เล็งลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นจาก 23% เหลือ 19% เพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่ำแทน คาดผลตอบแทน 2-3%
  • กสทช.เตรียมพร้อมสู่ 5G จ่อเสนอบอร์ด ยุติโทรศัพท์มือถือระบบ 2G ทั้งระบบที่มีคนใช้งานอยู่จริง 5.2 ล้านเลขหมาย จากจำนวน ผู้ใช้บริการทุกระบบรวมทั้งหมด 126 ล้านเลขหมาย ต.ค.ปีหน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TQM (บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น) เข้าซื้อขายใน SET วันแรกในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 23 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 1,725 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาโครงการสำหรับปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และโครงการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ โดยลงทุนในระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) รวมถึงเพิ่มทุนชำระแล้วในบริษัทแกน ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (TQM Broker) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยมี บล.บัวหลวง และ บล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
  • ANAN (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"Trading Buy"ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 5.05 บาท/หุ้น แม้ทิศทางผลประกอบการของ 4Q61 จะลดลง YoY และ QoQ แต่ปรับเพิ่มประมาณการปีนี้ขึ้น 9% สะท้อนการส่งมอบ JV สูงกว่าคาดและคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตเด่น 75% YoY แต่ปรับลดกำไรสุทธิในปีหน้าลง 5.5% จากการเลื่อนส่งมอบคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ทำให้มีโครงการที่จะส่งมอบในปี 62 มี 5 โครงการ คือ IDEO Q Victory, Elio Del Nest, IDEO Mobi รางน้ำ, Elio Del Moss, IDEO Sathorn-Wongwian Yai คาดกำไรสุทธิที่ 2,121 ล้านบาท (-8%YoY) และลดลงจากประมาณการเดิม 8% และคาดว่าทิศทางผลประกอบการ H2/62 มีน้ำหนักมากกว่า H1/62
  • SVI (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเหมาะสม 7.50 บาท/หุ้น โดยมอง Q4/61 กำไรสุทธิทำจุดสูงสุดของปี เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ Q3/61 โดยประมาณการกำไรปกติปี 62 ที่ 989 ล้านบาท เติบโต 15% YoY จากฐานลูกค้าเก่ามีออร์เดอร์ต่อเนื่อง และลูกค้าเก่าบางเจ้าที่เปลี่ยน supplier มาเพิ่มที่ SVI ,ลูกค้าใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นจากการย้ายฐานเนื่องจากผลกระทบของ Trade war และลูกค้า Automotive จะ ramp up ในต้นปีหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ